สายระห่ำOne Shot..กล้องถ่ายรูปเหวี่ยงไส้แตก
ถ้าเกิดจะว่ากันถึงคอนเทนต์ที่เป็นจุดขายของ Netflix ในตอนนี้อาจจะหนีไม่พ้นคอนเทนต์ซีรีส์ประเทศเกาหลีที่แทบสลับเรื่องกันขึ้นชั้น 1 คอนเทนต์สุดได้รับความนิยม จะมีเพียงแค่ภาพยนตร์เรื่องยาวนี่แหละที่ยังไม่มีช่องทางติดอันดับกับเขา ซึ่งผลงานปัจจุบันอย่าง ‘Carter’ หนังแอ็กชันทดลองเทคกล้องถ่ายภาพแกว่งที่บู๊มันแบบ ‘John Wick’ มีซอมบี้ก่อกวนแบบ ‘Kingdom’ รวมทั้งกล้องถ่ายรูปกลอกลูกตาความเห็นดแบบ ‘Hardcore Henry’ ประสานพลอตแบบยืมๆ‘Jason Bourne’ นิดๆกำลังจะออกเดินทางมาก่อกวนพร้อมศิลปินแม่เหล็กอย่างจูวอน จากซีรีส์ได้รับความนิยมอย่าง ‘Good Doctor’ มาวาดลวดลายบู๊สุดมัน
โดยเรื่องราวจะเริ่มขึ้นเมื่อจู่ๆคาร์เตอร์ ชายความจำไม่ดีตื่นมาในห้องเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ก่อนหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริกาจะบุกเข้ามาเพื่อจับกุมตัวกระทั่งเขาจะต้องหนีตายพร้อมด้วยจำเป็นต้องสืบเสาะหาเรื่องจริงว่าตนเองเป็นคนใด ในเวลาเดียวกันเขายังจะต้องหนีการเข้าจับกุมอีกทั้งจากหน่วยสืบราชการลับของสหรัฐอเมริการวมทั้งทางการประเทศเกาหลี รวมทั้งการจำเป็นต้องเข้าไปเกี่ยวเนื่องกับเหตุโรคระบาดที่ทำให้คนคลั่งรวมทั้งยืนขึ้นมาฆ่าคนอย่างใจยักษ์ซึ่งทางรักษามีเพียงแต่เลือดของบุตรสาวนักวิทยาศาสตร์ที่ดินประเทศเกาหลีเหนืออยากได้ตัวรวมทั้งมันบางทีอาจเป็นหนังสือเบิกทางสำหรับคาร์เตอร์
ถ้าหากยังไม่เอ่ยถึงเรื่องราวหรือความมีเหตุมีผลของบท ‘Carter’ ก็คืองานโชว์วิธีการถ่ายทำแบบทดลองเทคในหนังแอ็กชันที่สามารถพูดได้ว่าเป็นการปล่อยของช็อง บย็อง-กิล ผู้กำกับหนังแอ็กชันที่มีฐานจากงานสตันท์แมนมาก่อนเหมือน แชด สตาเฮลสกี้ (Chad Stahelski) ผู้กำกับ ‘John Wick’ เลยแล้วก็มีหนัง ‘The Villainess’ หนังแอ็กชันสุดระห่ำที่พลอตแอบคล้ายกับ ‘La Femme Nikita’ อัดอดรีที่นาลีนซึ่ง บย็อง-กิล ก็โชว์เทคนิกลองเทคสำหรับการถ่ายทำหลายฉาก
ต่อนี้ไปพอเพียงมาถึง ‘Carter’ เห็นด้วยเลยว่านี่เป็นหนังที่ถูกดีไซน์มาให้บย็อง-กิล ควบคุมโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพราะพล็อตสายความจำไม่ดีก็เอื้ออย่างยิ่งให้การเดินเรื่องเสมือนพวกเรากำลังเล่นวิดีโอเกมและก็ไอเทมที่ผู้ชมจะได้เป็นรายละเอียดอื่นๆของผู้แสดงที่พวกเรารู้จักเพียงแต่ชื่อคาร์เตอร์ แม้กระนั้นเสมือนบย็อง-กิลจะหนักมือไปหน่อยเพราะเหตุว่าเพียงแค่ซีนแอ็กชันซีนแรกเขาก็เล่นมุมกล้องถ่ายภาพทดลองเทคสุดฉวัดเฉวียนถ่ายอีกทั้งโดรนทั้งยังสเตดี้แคมรวมทั้งกล้องถ่ายรูปรถยนต์บังคับแบบไม่กลัวผู้ชมอาเจียนคืนสารอาหารสู่ที่ดินอย่างยิ่งจริงๆ
ซึ่งแน่ๆเลยว่าการตักเตือนแรกของพวกเราเป็นคนใดไม่ถูกโรคกับหนังที่กล้องถ่ายภาพส่ายไปส่ายมา ‘Carter’ น่าจะเป็นหนังที่คุณจะต้องเลี่ยงหรือคนใดกันแน่จะทดสอบก็ขอให้ผ่าน 15 นาทีแรกของหนังไปให้ได้ก่อน ใช่แล้วขอรับ…เป็นหนังถ่ายทดลองเทครวมทั้งมูฟเมนต์กล้องถ่ายภาพก็ส่ายไปส่ายมาอีกทั้งข้อเท็จจริงๆแม้กระนั้นก็มีข้อคิดเห็นอยู่เช่นกันว่าการที่หนังใช้เทคนิกมาก ใช้กล้องถ่ายรูปที่นานัปการประสานการใช้คอมพิวเตอร์กราฟิกมาช่วยสำหรับเพื่อการตัดต่อก็ทำให้ “รอยต่อ” ของแต่ละช็อตเห็นได้ชัดอยู่แบบเดียวกัน มิได้แนบเนียนเปี่ยมศิลป์แบบหนังอย่าง ‘1917’ หรือ ‘The Revenant’ ที่หลบช็อตด้วยการถ่ายทิลต์กล้องถ่ายภาพถ่ายฟ้าหรือหลบข้างหลังวัตถุแม้กระนั้นก็ราวกับ ‘Carter’ จะชัดแจ้งในวิถีทางภาพแบบวีดีโอเกมของมันอยู่ครับ
ส่วนฉากแอ็กชันในหนังก็จำต้องสารภาพว่า บย็อง-กิล ก็ยังยึดติดกับช็อตสิกข์เนพบร์อย่างการพุ่งตัวบิดาระจกและก็ช็อตต่อสู้บนข้างหลังรถมอเตอร์ไซค์ที่เกือบจะลอกจาก ‘The Villainess’ ของตนเองมาเยอะแยะเช่นเดียวกัน ถึงแม้ครั้งนี้สเกลฉากแอ็กชันจะใหญ่มโหฬารขึ้นมีการเดินทางผ่านประเทศ มีมูฟเมนต์ของผู้แสดงในช่วงกลางวันแม้กระนั้นลูกเล่นในซีนแอ็กชันต่างๆก็มิได้เป็นของใหม่สำหรับคนชอบดูหนังแอ็กชันทั้งยังฉากดวลลูกปืนในที่แคบ ฉากบู๊บนฟ้าข้างหลังเรือบินระเบิด หรือมุกหนังเสี่ยงอันตรายสมัยสปีลเบิร์กอปิ้งฉากเดินผ่านเขาด้วยบันไดไม้ใกล้พังทลาย
ซึ่งในรูปภาพรวมของประสิทธิภาพงานดูแลรวมทั้งถ่ายทำฉากแอ็กชันพวกเราก็อาจจะยังพอให้คะแนน บย็อง-กิลด้วยเกรดสูงลิบลิ่วได้ไพเราะเพราะพริ้งมันก็ตื่นตาตื่นใจและก็โหดเหี้ยมหนำใจดีจริง ก็แค่ส่วนประกอบที่หนังเรื่องหนึ่งจะเป็นหนังดีและก็มองสนุกสนานได้คงจะพึ่งฉากแอ็กชันสิ่งเดียวมิได้แต่ว่าจะต้องมีบทภาพยนตร์ที่แข็งแรง ซึ่ง ‘Carter’ มิได้อยู่ในข่ายงานที่ขายบทภาพยนตร์ที่รัดกุมแล้วก็แข็งแรงหรอกขอรับ พวกเราเลยมองเห็นหนังสร้างเงื่อนขึ้นมาแล้วทิ้งมันไปซนๆเพื่อหาทางพาพวกเราไปพบบิ๊กบอสจนกระทั่งอดอีหยังวะมิได้
แต่ว่าสิ่งที่ว่ามิได้เลยของหนังก็คือการแสดงของ จูวอน นี่แหละครับผมเพราะเหตุว่างานนี้ผู้แสดงนำชายชายหนุ่มจากซีรีส์ได้รับความนิยมอย่าง ‘Good Doctor’ จำเป็นต้องกลับจากงานดราม่าหนักๆสู่การใช้ร่างกายแบบไม่กลัวพังทลาย ซึ่งผมได้ดูงานแถลงข่าวของหนังแล้วทางจูวอนเองก็เห็นด้วยว่าไม่มีวันใดวันหนึ่งที่เขาจะมิได้แสดงฉากแอ็กชัน ซึ่งโน่นคือระเบียบสำหรับเพื่อการฝึกหัดเพราะเหตุว่าฉากแอ็กชันแต่ละฉากก็เสี่ยงตายอยู่เช่นกันโดยยิ่งไปกว่านั้นฉากดวลกันกลางหาวที่หนังถ่ายฉากสตันท์จริงๆเสมือนที่ ทอม คุณครูซ แสดงใน ‘Mission Impossible : Fall Out’ ทั้งจูวอนก็ไม่ลืมเลือนที่จะแสดงความสามารถในฉากดราม่าที่แม้ว่าจะมีน้อยแม้กระนั้นก็ทำให้หนังแอ็กชันเลือดสาดหัวข้อนี้เพียงพอมีหัวจิตใจอยู่บ้างครับผม