ผสมตามสูตรเวอร์ชันเกย์
ย้อนกลับไปในสมัย 90s ชื่อ แดร์เรน สตาร์ (Darren Star) ติดตาทุกคนบนเครดิตของซีรีส์ดังที่สมัยอย่าง ‘Beverly Hills, 90210’, ‘Melrose Place’ แล้วก็แน่ๆ ‘Sex and the City’ ที่ปรากฎพร้อมด้วยตำแหน่งครีเอเตอร์แล้วก็เอ็กเซ็กคูหนฟโปรดิวเซอร์โดยตลอด ชื่อของสตาร์หายไปพักใหญ่ก่อนที่จะกลับมาในซีรีส์ ‘Emily in Paris’ ของ Netflix ที่ฉายมาแล้ว 2 ซีซันแล้วก็กำลังถ่ายทำอีก 2 ซีซัน
ภายหลังจากพาพวกเราไปกรุงปารีส สตาร์พาแฟนๆกลับมาที่เกาะแมนฮัตตัน ในมหานครนิวยอร์กอีกทีกับซีรีส์ของ Netflix เรื่อง ‘Uncoupled’ ซีรีส์โรแมนติกคอมเมดี้ 8 ตอนสุดท้าย (ตอนละ 30 นาที) ที่เล่าของไมเคิล (นีล แพทริก แฮร์ริส – Neil Patrick Harris) เกย์ชายหนุ่มคนกลางอสังหาวัย 40 กว่า ที่ถูกคอลิน (ทัก วัตรับประทานส์ – Tuc Watkins) แฟนชายหนุ่มใหญ่วัย 50 ปีบอกเลิกแบบสายฟ้าแลบ เก็บของย้ายออกไปโดยไม่บอกสาเหตุอะไรไมเคิลก็เลยจำต้องพบเจอกับภาวการณ์ “ไม่มีคู่” อย่างไม่ทันตั้งตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี เขาอุตสาหะหาทางออกด้วยการมองหาคนใหม่เพื่อเริ่มความข้องเกี่ยวอีกที แม้กระนั้นในเวลาเดียวกันก็มักเกิดเหตุการณ์ที่เข้ามาสะกิด “แผลสด” จนกระทั่งทำให้จิตใจของเขาหวนไปหมกมุ่นกับคู่รักเก่าอยู่เสมอเวลา
แน่ๆว่าผู้ที่หามซีรีส์ไว้สูงที่สุดเป็นชายหนุ่มแฮร์ริส ดาราหนังวัย 49 ที่บริหารเสน่ห์เจริญเหมือนเคย โชคดีที่เขาเป็น “สุดที่รัก” ของผู้ชมอยู่แล้วตั้งแต่แมื่อซีรีส์ ‘How I Met Your Mother’ ก็เลยไม่ยากที่นักแสดงไมเคิลจะตกพวกเราได้ตั้งแต่แรกๆ(ละเว้นว่าคุณจะเกลียดชังเขาเป็นทุนเดิม โน่นจะเปลี่ยนเป็นความน่าเบื่อหน่ายไปในทันทีทันใด) ผงชูรสของซีรีส์จำเป็นต้องชูให้ ทิชา แคมป์เบล (Tisha Campbell) ในบทซูซาน เพื่อนฝูงสาวแม่เลี้ยงโดดเดี่ยวอารมณ์เบิกบานที่ทำธุรกิจร่วมกับไมเคิล ค้างแรกเตอร์ของคุณเต็มไปด้วยสีสัน สร้างเคมีกับแฮร์ริสได้ดิบได้ดี แบบที่ไม่ล้นกระทั่งเหลือเกินรวมทั้งยังมีพื้นข้างหลังของผู้แสดงด้ามจับจะต้องได้ ยิ่งกว่านั้นยังมี บรูกส์ แอชแมนสกาส์ (Brooks Ashmanskas) ในบท สแตนลีย์ รวมทั้ง เอเมอร์สัน บรูกส์ (Emerson Brooks) ในบทใบเสร็จรับเงินลี สองเพื่อนพ้องเกย์ในกลุ่มของไมเคิลที่อีกทั้งรอปลอบโยน กระทบกระแทก และก็สร้างเสียงหัวเราะ ท้ายที่สุดเป็นดาราหนังรุ่นใหญ่ มาร์เซีย เกย์ ฮาร์เดน (Marcia Gay Harden) ในบทแคลร์ ไฮโซสาวใหญ่ที่พึ่งจะถูกผัวทิ้งรวมทั้งเปลี่ยนมาเป็นลูกค้าของไมเคิล แคลร์เป็นตลอดตัวแปรรวมทั้งตัวแปลก (แยก) ที่เข้ามาสร้างสมดุลให้กับกรุ๊ปผู้แสดงหลัก ฮาร์เดนเล่นแบบนิ่งๆน้อยๆแต่ว่ามีพลัง
‘Uncoupled’ ใช้สูตรสำเร็จของสตาร์แบบไม่ต้องเสียวัดชั่งน้ำหนักตวงใหม่ หรือกล่าวให้เด่นชัดเป็นเดินตามรอยสูตรสำเร็จของ ‘Sex and the City’ ไม่ว่าจะเป็นตัวละครเอกที่เป็นชนชั้น Upper Class (ร่ำรวย แต่ว่ามิได้ร่ำรวย) กรุ๊ปเพื่อนพ้องสามสี่คน บทสนทนาที่เต็มไปด้วยมุกตลกขบขันสัปดน (แต่ว่าไม่อุจาด) ผสมกับมุกขำขันที่อัดแน่นด้วยวัฒนธรรมป๊อป รวมทั้งท่าทางการโต้ตอบแบบ ทำมือเป็นเครื่องหมายคำพูด “นิวยอร์กเกอร์” แล้วก็แน่ๆบรรยากาศของเมืองแมนฮัตตัน ที่เปรียบเสมือนเป็นตัวละครสำคัญของซีรีส์เหมือนกันกับ ‘SATC’ (หรือนครกรุงปารีส ใน ‘Emily in Paris’) ผลที่ออกมาหากแม้ไม่เกินความมุ่งมาด แต่ว่าก็ไม่จัดว่าน่าผิดหวัง ‘Uncoupled’ เป็นซีรีส์ที่สร้างความสนุกสนานก้าวหน้า หลายฉากทำให้ท่านปลดปล่อยเสียงเฮดังสนั่นแบบไม่ตั้งตัว ด้วยความยาวตอนละครึ่งชั่วโมง มองเพลิดเพลินๆเดี๋ยวเดียวก็จบซีซันแล้ว แต่ว่าสิ่งที่จะต้องปรับปรุง (ถ้าหากจะสร้างซีซัน 2) เป็นบทที่วนคงที่ ไม่ไปไหน นับว่าเป็นข้อเสียเดียวกับ ‘EIP’ ที่เส้นเรื่องหลักไม่เดินไปไหน มีแม้กระนั้นการเล่าเส้นเรื่องรอง การเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ต่างๆไปวันๆ(แม้กระนั้นขั้นต่ำนักแสดงใน ‘Uncoupled’ ก็มีความรู้สึกใคร่ครวญที่ “เฉลี่ยวฉลาด” กว่า – ขออภัยนะ – เอมิลี)
ถ้าหากตัดเรื่อง “เกย์” ออกไป ใครๆก็มองซีรีส์ชุดนี้รวมทั้งหัวเราะไปกับมันได้ (ถ้าเกิดคุณมองเพศชายจูบกันได้) เนื่องจากเอาเข้าจริงก็คือเรื่องราวความรักของคนคนหนึ่งที่บากบั่นก้าวออกมาจากความเชื่อมโยงที่เพิ่งจะจบลง อีกเรื่องที่ซีรีส์เอ่ยถึงพอกับเรื่องเกย์เป็นเรื่อง “วัย” เนื่องจากว่าไมเคิลรวมทั้งนักแสดงรอบกายล้วนอยู่ในวัย 40-50 ปี ฉะนั้นการ Move On จากสมัยก่อนที่ระบมรวมทั้งเริ่มต้นใหม่ก็เลยไม่ง่ายราวกับคนวัย 20-30 จนกระทั่งการตั้งข้อซักถามว่า “พวกเราควรต้องเริ่มต้นใหม่ไหม?” หรือ “พวกเราจะอยู่เพียงลำพังถัดไปอย่างนี้?” โน่นก็เป็นสิ่งที่นักแสดงคิดมาก ในเมื่อพวกเราเพียรพยายามจะตามหาอะไรมาตอบแทนสิ่งที่หายไป ในที่สุดแล้วถ้ามันไม่อาจจะชดเชยกันได้ พวกเรายังจำต้องมีมันอยู่ไหม