รีวิว 6 ปีกลายหญิงสาวคนหนึ่งออกล่าท้าทายผีกับสหายที่ถิ่นกำเนิดของแฟนชายหนุ่ม
หนังหัวข้อนี้ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังทำเงินสูงสุดในปี 2022 รวมทั้งยังครองแชมป์หนังสยองขวัญที่ทำเงินสูงสุดนิรันดรในไต้หวัน แน่ๆว่าหนังผี–หนังสยองขวัญที่ปลุกความหวาดกลัวในใจคน ยิ่งเข้าถึงความหวาดกลัวที่เป็นสากลได้มากเยอะแค่ไหน ก็ยิ่งจะตรึงหัวใจผู้ชมกลุ่มมากมายได้มากขึ้นไปเพียงแค่นั้น และก็หนังที่ประสบผลสำเร็จเชิงรายได้สูงประเด็นนี้ก็เช่นเดียวกัน ประหนึ่งว่าผู้กำกับ เค่อเหมิ่งหรง (Kevin Ko) ที่เคยเดบิวต์อาชีพด้วยหนังสยองขวัญเกรดบีอย่าง ‘Invitation Only’ (2009) ก่อนที่จะพักไปทำหนังแนวโรแมนติกอยู่หลายเรื่อง ได้กลับไปทำการบ้านมาอย่างยอดเยี่ยมว่าคนชอบกลัวอะไรและก็เลือกผสมมันมาใช้ได้อย่างชาญฉลาดทีเดียว
หนึ่ง ฐานของความหวาดกลัวของคนเราย่อมมาจากความไม่รู้เรื่อง หรือชี้แจงมิได้
หนังประเด็นนี้ก็นำความสับสนกำกวมมาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม ตั้งแต่ฉากเปิดที่อิงประเด็นการรับทราบแบบวิทยาศาสตร์ว่าพวกเราบางทีอาจตีความหมายภาพที่มองเห็นได้หลายแบบ แล้วโยงไปสู่เรื่องเหนือธรรมชาติว่าเหล่าความศรัทธาเองก็สามารถถูกดูได้หลายประเด็นเหมือนกัน เป็นการดึงผู้ชมที่เชื่อในวิทยาศาสตร์เบาๆกลืนไปกับเรื่องเหนือธรรมชาติรวมทั้งงงงันต่อข้อเท็จจริงที่รับทราบไปพร้อมด้วยและก็แม้ว่าจะเปิดมาแต่แรกเริ่มว่าสิ่งต่างๆที่กำลังจะได้มองถัดไปนั้นเป็นเรื่องราวที่ผู้แสดงนำอย่าง หลี่รั่วดกน ได้พบเจอมานานแล้วและก็สำเร็จพวงจากประสบการณ์ล่าท้าทายผีกับเพื่อนพ้องในยุคเรียนมหาวิทยาลัยก็ตาม แต่หนังก็มิได้ให้ข้อมูลอะไรล้นหลามนัก เพียงความร้ายแรงของภาพที่อัดรัวมาให้มีความคิดว่ามันซีเรียสแค่ไหน รวมทั้งการเลือกตัดสลับเรื่องในขณะนี้ที่คุณพูดพร่ำราวถูกผีสิงอยู่หน้ากล้องถ่ายภาพ กับอดีตกาลไม่กี่เดือนที่แล้วหน้าที่คุณรับบุตรสาวมาอยู่ร่วมกันภายหลังจากพรากกันไปด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง และยังตัดสลับกับอดีตกาลเมื่อ 6 ปีกลายที่เป็นจุดกำเนิดของทุกสิ่งที่หมู่บ้านในบ้านนอกด้วยความจำกัดการรับทราบที่ไม่ลำดับเวลา ข้อมูลที่ตัวนำไม่รู้จักไหมบอก รวมทั้งการรับทราบผ่านเรื่องราวทั้งปวงผ่านกล้องถ่ายรูปวิดีโอแฮนดี้แคมที่ถูกใช้บันทึกภาพการล่าท้าทายผี แล้วก็โฮมวิดีโอที่รั่วครึ้มนอยากเก็บความทรงจำกับบุตรสาวเอาไว้ ทำให้ผู้ชมไม่สามารถที่จะรับทราบเรื่องราวเมื่อกล้องถ่ายรูปมิได้บันทึกแต่ว่าเกิดขึ้นอยู่ด้วยเหมือนกันได้ กลุ่มนี้ล้วนเล่นต่อสภาพทางด้านจิตใจผู้ที่ไม่รู้เรื่องต่อสถานะการณ์ แล้วก็เมื่อพบเหตุการณ์พิธีการที่ไม่มีคำชี้แจงแล้วก็เกินตรรกะทั่วๆไปก็นับว่าเป็นจุดเด่นที่ความไม่รู้เรื่องสร้างความหวาดกลัวที่หนังอยากพาไปให้ถึง ความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไม่รู้เรื่องนี้ยังครอบคลุมถึงตัวอาคมที่นักแสดงพร่ำสวดมนตร์ตลอดเรื่องด้วยเสียงที่ไม่เป็นภาษา แล้วก็โทนต่ำมองน่าสยอง อีกทั้งเป็นกลโกงที่หนังตั้งอกตั้งใจประยุกต์ใช้เฉลยคำตอบเพื่อสร้างความขนหัวลุกในช่วงท้ายด้วยสิ่งที่น่าสยดสยองที่สุดเป็นภาพในหัวของแต่ละคน จากช่องว่างที่หนังเปิดให้พวกเราเติมเต็ม
สอง ความหวาดกลัวอย่างไม่มีเหตุผล (Phobia) หนังเจตนาใช้โรคกลัวที่ค้นพบว่ามีคนเป็นออกจะมากมาย ซึ่งจะมีลักษณะมากมายน้อยสุดแล้วแต่คน ทั้งยังอาการกลัวรู (Trypophobia) ที่ประยุกต์ใช้เป็นลักษณะของการเช็ดกคำสาปอย่างหนักกระทั่งผิวหนังพรุนเป็นรวงผึ้ง หรืออาการกลัวที่แคบ (Claustrophobia) ที่พวกเราจำต้องติดตามผู้แสดงเข้าไปตรวจอุโมงค์ต้องห้ามขนาดเล็ก นอกเหนือจากนั้นยังมีประเด็นของความหวาดกลัวอื่นๆทั้งยังความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ไร้ใบหน้า กลัวการเช็ดกจ้องดู กลัวความมืดดำ กลัวตุ๊กตา กลัวภาพความตาย ศพ หรือความหวาดกลัวจากเหตุการณ์ที่มิได้คาดคะเนยกตัวอย่างเช่น อุบัติเหตุ ฯลฯ สิ่งกลุ่มนี้เกิดขึ้นในสมองของบางบุคคลแล้วก็ยากที่จะสะกดกันได้ ซึ่งผู้ผลิตก็วางไว้เป็นยุทธวิธีหลักสำหรับเพื่อการสร้างฉากต่างๆขึ้นมาคนไหนกันแน่ที่มีความหวาดกลัวต่อสิ่งที่ว่ามารุนแรงก็ต้องระมัดระวังสำหรับเพื่อการดูสักนิด
สาม ความสนิทสนม ความเหมือนจริงที่ทำให้ผู้ชมมีความคิดว่าคงจะเกิดขึ้นกับผู้ใดก็ได้รวมทั้งตัวเราเอง หนังใช้เงื่อนความข้องเกี่ยวที่รู้เรื่องได้อย่างไม่ยากเย็น ความรักของแม่ที่มีต่อลูกน่าจะเป็นความเชื่อมโยงที่ทุกคนรู้เรื่องได้โดยทันทีว่าการทำที่เกิดขึ้นจากความรักนี้ไม่จำเป็นที่จะต้องมีเหตุมีผลรองรับ ก้ช่วยสร้างความศรัทธาให้ผู้ชมมากเพิ่มขึ้นนอกจากนั้นตัวหนังยังอ้างถึงว่าผลิตขึ้นมาจากโครงเรื่องจริงของครอบครัวหนึ่งในเมืองเกาสงของไต้หวันเมื่อปี 2005 ด้วย เมื่อใดที่หนังกล่าวถึงว่าอิงจากข้อเท็จจริงหนังหัวข้อนั้นก็ชอบได้แต้มต่อพิเศษสำหรับการสร้างความศรัทธาต่อผู้ชมขึ้นมา ถึงแม้มันจะเต็มไปด้วยเรื่องราวเหนือธรรมชาติที่มิได้เจอในชีวิตประจำวัน แต่ว่าความไร้เหตุผลนั้นมันก็จะมีน้ำหนักเพิ่มมากขึ้นเพราะเหตุว่ามันจัดว่าเคยเกิดมาแล้วรวมทั้งน่าดึงดูดว่าสำหรับผู้ชมคนไทย ผี หรือ เทวดา ในประเด็นนั้นก็มองรู้จักดีจากวัฒนธรรมร่วมของจีน แถมยังอิงว่ามีพื้นฐานความเชื่อถือแนวลัทธิจากเอเซียอาคเนย์ด้วยก็ยิ่งทำให้ผีนั้นยิ่งสนิทสนมพวกเราเพิ่มมากขึ้น ซึ่งหนังไต้หวันก็เห็นจุดเด่นของผีจากโซนบ้านพวกเรา ที่เต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ แล้วก็ความยากชี้แจงมาแล้ว อย่างใน ‘The Rope Curse 2’ (2020) ที่อ้างถึง พรายมหาภูต วิญญาณที่ร้ายที่สุดในประเทศไทย (จากที่หนังอ้าง) ฯลฯ จริงๆหากส่งเสริมจุดเด่นนี้ออกไปอีกก็เป็นซอฟต์พาวเวอร์ที่น่าดึงดูด อย่างต่ำก็ในตลาดไต้หวันหรือทวีปเอเชียร่วมกัน
สี่ ศาสตร์ทางภาพยนตร์ที่สาดใส่ภาพและก็เสียงอย่างมาก หนังผีสมัยข้างหลัง ‘The Blair Witch Project’ (1999) นำไปสู่หนทางแบบสารคดีเลียนแบบ (Mockumentary) ที่กลมกลืนระหว่างความจริงรวมทั้งเรื่องแต่งกระทั่งแยกออกได้ยาก ประสิทธิภาพของงานสร้างมิได้ยึดโยงอยู่กับการประดิษฐ์ให้เกิดความงดงาม แต่ว่าเป็นการประดิษฐ์ให้สมจริงสมจัง แนวทางการถ่ายถือกล้องถ่ายรูปแบบแฮนด์เฮลด์ช่วยหลีกเลี่ยงหลบพวกความไม่สมบูรณ์ได้เหมือนกับเดียวกับการถ่ายโหมดค่ำคืนที่กลบเนื้อหาไปได้มาก หมดทั้งตัวภาพที่สีพิศดาร มืดทึม แล้วก็ความสั่นไหวก็สะท้อนภาวการณ์ความไม่มั่นคงไปสู่ดวงใจของผู้ชมได้ชัดแจ้งน่าดึงดูดว่าหนังประเด็นนี้สามารถผสมระหว่างการถือกล้องถ่ายรูปถ่ายที่สั่นไหว รวมทั้งการตั้งกล้องถ่ายรูปนิ่งเพื่อเห็นภาพกว้างของเรื่องราวได้อย่างเหมาะควร โดยให้มีความคิดเห็นว่าผู้แสดงเป็นผู้ตั้งกล้องถ่ายรูปเองทำให้ผู้ชมไม่เคืองใจในสาเหตุของมุมกล้องถ่ายรูปต่างๆหากว่าเรื่องจริงหลายมุมกล้องถ่ายรูปที่เกิดขึ้นผู้ผลิตก็แอบทุจริตมิได้พูดว่าคนใดเป็นผู้ถ่ายอยู่ด้วยเหมือนกัน แม้กระนั้นก็เพื่อการเล่าเรื่องราบรื่นนั่นเอง ที่พวกเรามิได้ฉงนใจมากมายก็เพราะว่าส่วนอื่นๆของเรื่องมันช่วยดึงความพอใจพวกเราออกไปได้อยู่
นอกนั้นส่วนที่น่าดึงดูดอีกอย่างเป็นการใช้เสียงที่ส่งพลังแล้วก็สร้างบรรยากาศได้อย่างน่าสยดสยอง มีเสียงโทนต่ำของเสียงสวดมนตร์ผสมกับเสียงกังวานๆเสมือนลมที่ไหลผ่านไปตามอุโมงค์ลึก นี่เป็นอีกสูตรสำเร็จที่หนังรอสอดใส่มาตลอด รวมทั้งหุ้มโทนของเรื่องไว้ได้อย่างพอดี แน่ๆว่าเมื่อถึงตอนเฉลยคำตอบในตอนหลังเสียงสวดมนตร์นี้ก็ยิ่งติดังในหูผู้ชม ส่งความน่าสยองให้หลอนเยอะขึ้นเรื่อยๆไปอีก ‘Incantation’ หรือ ‘มนยี่ห้อ’ ก็เลยเป็นหนังไต้หวันที่น่าดึงดูด เต็มไปด้วยเคล็ดลับที่คิดมาอย่างยอดเยี่ยมว่าจะสร้างความหวาดกลัวให้ผู้ชมได้มากที่สุด รวมทั้งเหมาะสมกับการเรียนรู้มุมมองความหวาดกลัวได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าหากจะมีชี้แนะอย่างหนึ่งเป็นควรจะมองบรรยายไทยมากยิ่งกว่า เพราะว่าแปลได้ดียิ่งไปกว่าซับไทย