แก่ความรักที่ไม่สมหวัง ในรูปภาพยนตร์เรื่อง ‘เพลงในที่สุด’
ไม่ใช่ทุกคนที่จะพร้อมเปิดใจให้กับความรักและก็สมหวังในเรื่องความรัก ภาพยนตร์ ‘เพลงในที่สุด’ เรื่องที่ทำให้พวกเราได้ทราบจะและก็รู้เรื่องมุมมองความรักในสมัยเก่ามากขึ้นเรื่อยๆผ่านนักแสดง LGBTQIA+ อย่าง สมหญิง ดาวราย ในบท สมหญิง (นางโชว์ตัวเอกจากทิฟฟานีโชว์พัทยา) จิระวดี อิศรางกูรในอยุธยา รับบทบาท แพรวพราว (สหายของสมหญิง) และก็ชลิต เฟื่องอารมย์ สวมบทบาท ประเทือง (ผู้ครอบครองทิฟฟานี่โชว์)
โปสเตอร์ภาพยนตร์ ‘เพลงท้ายที่สุด’
ภาพยนตร์ ‘เพลงในที่สุด’ ฉายในปี พุทธศักราช2528 เป็นหนังไทยเรื่องแรกที่มีการพรีเซนเทชั่นข้อมูลเกี่ยวกับ LGBTQIA+ อย่างไม่อ้อมค้อม ดูแลโดย พิศาล อัครเศรณี ที่มาพร้อมดารามากเรื่องสามารถด้านในประเด็นนี้อย่าง บิณฑ์ โด่งดังฤทธิ์ สวมบทบาท บุญเพิ่ม (ชายที่เคยตรากตรำมาก่อนกระทั่งได้โอกาสได้ไปสู่แวดวงนักร้องแล้วก็ทำให้ชีวิตของบุญเพิ่มเติมแปรไป) วรรณิศา ศรีวชิระ สวมบท สาวรุ่น (แฟนสาวของแพร้ว) ทั้งผู้แสดงบางบุคคลข้างในหัวข้อนี้ก็เป็น LGBTQIA+ จริงๆหนึ่งในนั้นเป็น สมหญิง ดาวราย ที่เป็นดาราผ่านเพศ (Transgender person) คนแรกของไทย
ภาพยนตร์หัวข้อนี้ได้พาพวกเราไปตรวจการใช้ชีวิตรวมทั้งการมีความรักของฝูงชน LGBTQIA+ ในยุคนั้น ประเด็นนี้ทำให้ผู้ชมได้มีความเห็นว่าเมืองไทยของพวกเรา มีอีกทั้งกลุ่มของผู้คนเป็นที่ยอมรับแล้วก็ยังไม่รับ LGBTQIA+ มาตั้งแต่อดีตแล้ว และก็เสริมเรื่องด้วยการเล่ามุมมองความรักที่เล่าผ่านนักแสดงอีกทั้ง 3 อย่าง สมหญิง แพรวพราว และก็ประเทือง ทำให้พวกเราได้มีความคิดเห็นว่าความรักบางคราวก็มิได้งามรวมทั้งสมหวังเสมอ
ประโยคที่แสนปวดรวมทั้งถูกพรีเซ็นท์ผ่านภาพยนตร์หัวข้อนี้หมายถึงไม่มีรักจริงสำหรับเพศสีม่วง และก็ บนทางสีม่วงของเพศลำดับที่สาม ยากหารักแท้ครอบครองใจ ภาพยนตร์ ‘เพลงท้ายที่สุด’ นั้นสะท้อนเรื่องราวทั้งยัง 2 ประโยคนี้ได้อย่างดีเยี่ยม เพราะเหตุว่าถึงผู้แสดงจะสารภาพเพศที่จริงจริงของตนและก็เผยอย่างไม่ปกปิด แม้กระนั้นไม่ใช่ทุกคนที่จะยอมรับได้ แค่นี้ยังไม่เพียงพอด้านในเรื่องยังมีการล้อเลียนเรื่องเพศ ดูถูกเพศให้มองเกิดเรื่องเฮฮา จนถึงทำให้หลายท่านเสียความเชื่อมั่นและมั่นใจในตัวเองไป ไหมกล้าที่จะออกมาเผยตัวตนที่จริงจริงให้สังคมได้รับทราบ
ที่จริงแล้วความรักไม่สมควรมีเรื่องมีราวเพศเข้ามาปิดกลั้น แต่ว่าเนื่องแต่สภาพสังคมและก็สภาพแวดล้อมรอบกายพวกเรา หลายๆอย่างก็เลยไม่บางทีอาจเป็นดุจหวัง ในยุคนั้นการยินยอมรับความมากมายทางเพศยังมีไม่มากมายพอๆกับสังคมในขณะนี้ ใจความสำคัญที่หัวข้อนี้เสนอมาเล่าก็เลยทำให้ผู้ชมได้มองเห็นรวมทั้งตระหนักถึงการใช้ชีวิตในสังคม ไม่ว่าแต่ละคนจะเป็นเพศอะไรก็ควรจะมีสิทธิที่เสมอภาคและไม่ว่าแต่ว่าละคนจะเป็นเพศไหน ทุกคนก็มีสิทธิที่จะมีความรักได้เช่นเดียวกัน
ความรักที่สมหญิงได้พบเป็นเสมือนสิ่งเตือนสติว่า อย่ารักบุคคลอื่นมากจนเกินไปจนกระทั่งไม่เผื่อหัวใจไว้รักตนเอง และก็ในทางความรักของประเทืองที่ทำให้เห็นว่าเวลาพวกเรารักผู้ใดกันแน่พวกเราก็จำเป็นที่จะต้องสัตย์ซื่อกับความรักนั้นจริงๆถึงแม้สุดท้ายแล้วความรักของประเทืองบางทีก็อาจจะไม่สมหวัง แต่ว่าเขาก็ยังสามารถดำรงชีวิตถัดไปได้ และก็ดำรงชีวิตอย่างมีสติสัมปชัญญะ รวมทั้งหันกลับมารักรวมทั้งให้ความเอาใจใส่กับตนเอง
การนำเสนอหัวข้อกลุ่มนี้ในสมัยนั้น ที่บางทีอาจจะยังไม่ค่อยมีคนรู้จักกันและก็รู้เรื่องเรื่อง LGBTQIA+ มากมายนะ นับว่าเป็นความกล้าหาญชาญชัยของผู้กำกับรวมทั้งคณะทำงานอย่างยิ่ง เนื่องจากว่าสิ่งพวกนี้ได้สร้างการเปลี่ยนแปลงล้นหลามอย่างมากมาย มีผลมาจนกระทั่งตอนนี้ นอกเหนือจากภาพยนตร์ ‘เพลงในที่สุด’ จะก่อให้ผู้คนได้ทราบจะ LGBTQIA+ เยอะขึ้น และก็ยังเป็นเสมือนหนังสือเบิกทางให้กับแวดวงสนุกสนานรวมทั้งอื่นๆในช่วงต่อมา ที่ทำให้ผู้สร้างสื่อมีความเก่งกล้าที่จะเลือกเรื่องต่างๆในสังคมมาผลผลิตงานเยอะขึ้น