ในวันที่ Pixar กลับแวดวงภาพยนตร์แอนิเมชัน
มิตรภาพ รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ รวมทั้งหยดตา เชื่อเลยว่าเด็กๆในยุคนี้ต่างเติบโตมากับแอนิเมชันของพิกซาร์ (Pixar) ที่นอกเหนือจากที่จะรอเป็นเพื่อนชุบชูใจในวันอันเหนื่อยแล้ว พิกซาร์ยังเป็นราวกับผู้บอกทางให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดียิ่งขึ้น ‘Toy Story’ ก็ด้วยเหมือนกัน แอนิเมชันหัวข้อนี้เปรียบได้เสมือนดั่งความจำที่สวยของวัยเด็ก เป็นเพื่อนที่ ‘โตมาด้วยกัน’ กับผู้คนจำนวนมาก แต่ เว้นเสียแต่ Toy Story จะมีความจำเป็นกับคนดูแล้ว หนังประเด็นนี้ยังมีความหมายกับพิกซาร์เป็นอย่างยิ่ง ด้วยเหตุว่านี่นับว่าเป็นภาพยนตร์ที่ก่อร่างสร้างฐานให้บริษัท และก็เปลี่ยนแวดวงแอนิเมชันไปชั่วนิจนิรันดร์
แรกเริ่มพิกซาร์เป็นเพียงแต่แผนกหนึ่งของบริษัทลูคัสฟิล์มถ่ายรูป (Lucasfilm) ผู้ผลิต Star Wars โดยงานประจำๆของพวกเขาชอบเป็นการสร้างฉากแนวทางพิเศษด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกซะมากยิ่งกว่า แต่ถัดมา จอห์น แลสซีเตอร์ (John Lasseter) แอนิเมเตอร์จากดิสนีย์ก็ได้เข้ามาดำเนินงานตรงนี้ ซึ่งแลสซีเตอร์ก็ได้จับแนวความคิดการผลิตแอนิเมชันมาต่อยอดกับทางพิกซาร์ แล้วก็ในปี 1984 เขาก็ได้สร้างแอนิเมชันขนาดสั้นที่ชื่อว่า ‘The Adventures of André & Wally B.’ ออกมา ซึ่งความเด่นของประเด็นนี้เป็น เป็นแอนิเมชันที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์กราฟิกเกือบจะอีกทั้งเรื่อง แม้ว่าจะมีความยาวแค่เพียงเพียงแค่ 1 นาทีครึ่ง แม้กระนั้นก็กล่าวได้ว่าทะยานอยากที่สุดในยุคนั้น
ระหว่างนี้เองผลงานของพิกซาร์ก็ไปชอบใจ สตีฟ จอบส์ (Steve Jobs) เข้า จอบส์ก็เลยซื้อบริษัทพิกซาร์จากลูคัสฟิล์มถ่ายรูปมาปรับปรุงต่อ แล้วก็ท้ายที่สุดพวกเขาก็ได้คลอดภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นอย่าง Luxo Jr. ออกมาในปี 1986 ซึ่ง Luxo Jr. ก็คือเจ้าโคมที่พวกเราชอบมองเห็นกันในโลโก้ของพิกซาร์นั่นแหละLuxo Jr. ได้เข้าชิงออสการ์สาขาภาพยนตร์แอนิเมชันขนาดสั้นเยี่ยมยอด แม้ว่าจะมิได้รางวัล แต่ว่าแอนิเมชัน 3 มิติประเด็นนี้ก็ทำให้พิกซาร์มีชื่อเสียงมากยิ่งขึ้น ซึ่งบริษัทวอลต์ดิสนีย์ ก็เห็นถึงสมรรถนะของพิกซาร์ ดิสนีย์ก็เลยร่วมลงทุนสร้างให้พิกซาร์ผลิดแอนิเมชันปริมาณยาวขึ้นมา ซึ่งพิกซาร์ก็ได้สร้างโปรเจกต์ Tin Toy ที่เกิดเรื่องราวเกี่ยวกับของเล่นเด็กที่มีชีวิตและก็เด็กน้อยคนที่เป็นเจ้าของ ถึงแม้ว่าพิกซาร์จะได้แรงช่วยเหลือจากดิสนีย์ แต่ถ้าว่าพิกซาร์ก็เลือกที่จะสร้าง Tin Toy โดยท้าทุกข้อกำหนดของแอนิเมชันในยุคนั้น
1.แอนิเมชัน 3 มิติแบบเต็มระบบ
แต่เดิมภาพยนตร์แอนิเมชันชอบผลิตออกมาในแบบอย่าง 2 มิติเป็นหลัก คณะทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลังก็เลยจำต้องวาดรูปบนกระดาษใหม่เรื่อยแบบหน้าเฉพาะหน้า (frame by frame) แต่ว่าพิกซาร์กลับเลือกที่จะผลิตทุกๆสิ่งทุกๆอย่างด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกแทน ทำให้คณะทำงานไม่ต้องเสียเวล่ำเวลาวาดรูปใหม่ และก็สามารถขยับจุดขยับเขยื้อนได้ตามอยากได้
2.แอนิเมชันที่ไม่ใช่มิวสิคัล
ในช่วงก่อน พวกเราชอบรู้จักดีกับการที่ภาพยนตร์แอนิเมชันแต่ละเรื่อง ชอบมีเพลงประกอบอยู่จำนวนมาก ซึ่งช่วยเพลงของหนังนั้นติดหูผู้ชมตามไปด้วย อย่างของดิสนีย์ก็ชอบให้ผู้แสดงมาร้องเพลงประกอบในเรื่องราวกับเป็นมิวสิคัล (Musical) ก็ไม่ผิดนัก ซึ่งพิกซาร์มีความคิดว่าเรื่องราวของเขานั้นเข้มข้นเกินกว่าจะให้นักแสดงมาร้องเพลงประกอบรายละเอียด พวกเขาก็เลยตัดในส่วนของมิวสิคัผุดผ่องกไป รวมทั้งใช้การวางเรื่องราวแบบภาพยนตร์ธรรมดาแทน
3.แอนิเมชันที่ใช้ศิลปินดังมาบรรยายเสียง
ในระยะแรกเริ่ม แอนิเมชันชอบถูกละเลยจากเหล่าศิลปิน เพราะเหตุว่ากรุ๊ปผู้ชมส่วนนี้ไม่ค่อยกว้างแล้วก็ถ่ายทอดออกมาได้แค่เพียงเสียงแค่นั้น แต่ว่าพิกซาร์ก็เลือกใช้ ทอม แฮงส์ (Tom Hanks) กับ ทิม อัลเลน (Tim Allen) มาบรรยายเสียงผู้แสดงนำทั้งสอง ซึ่งพวกเขาก็ได้มีส่วนร่วมสำหรับการวางแบบค้างแรdเตอร์ให้ออกมามีมิติมากยิ่งขึ้น แล้วก็สิ่งนี้เองก็ได้สร้างบรรทัดฐานใหม่ของการนำกย์หนังโดยซูเปอร์สตาร์
อย่างไรก็ดี โปรเจกต์การผลิต Tin Toy ก็มิได้โรยด้วยกลีบดอกกุหลาบหรอกนะ ด้วยเหตุว่าหัวข้อนี้จะต้องเผชิญปัญหาในทุกก้าว ตั้งแต่การเปลี่ยนแปลงเนื้อหาที่ได้รับมาจากเรื่องราวของของเล่นเด็กโบราณก็ได้แก้กันหลายรอบกระทั่งเปลี่ยนมาเกิดเรื่องราวของ Woody รวมทั้ง Buzz อย่างที่พวกเรารู้จักกันใน Toy Storyเมื่อหนังจะต้องไปสู่ขั้นตอนการผลิตแล้ว พิกซาร์ก็ยังจำต้องระดมคณะทำงานกว่า 100 ชีวิตเข้ามาประดิษฐ์ภาพยนตร์หัวข้อนี้ ต่อให้ใช้แอนิเมเตอร์แทบ 30 คนร่วมกัน แต่ว่าหนังก็ยังจะต้องแก้ในส่วนของแอนิเมชันอยู่เรื่อยจนถึงเกือบจะเสร็จไม่ทัน ขนาดแม่งานของพิกซาร์ในช่วงเวลานั้นอย่าง เอ็ดวิน แค็ตมัล (Edwin Catmull) ได้พูดว่า Toy Story เป็นแอนิเมชันที่ถูกทำขึ้นมาอย่างเร่งด่วน การเคลื่อนไหวต่างๆก็มิได้มาตรฐานแล้วก็ไม่มีซึ่งความเหมือนจริง ถ้าว่าด้วยความบกพร่องต่างๆนานามันก็ได้สร้างความแปลกใหม่ จนกระทั่งเปลี่ยนเป็นที่จำของคนเราทั่วทั้งโลกสุดท้าย 22 เดือนพฤศจิกายน คริสต์ศักราช 1995 ข้างหลังการเข้าฉายของภาพยนตร์เรื่อง Toy Story แอนิเมชันหัวข้อนี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีมากมายก่ายกอง พิกซาร์เปลี่ยนเป็นสตูดิโอที่เลื่องลือในเลวทรามข้ามคืน แล้วก็ Toy Story ก็ได้ยอดเยี่ยมในรูปภาพยนตร์ที่ทำเงินมากที่สุดในปีนั้น แถมหนังยังปัดกวาดคำวิพากษ์วิจารณ์เหมาะสมที่สุดจากนักวิพากษ์วิจารณ์ทุกสำนัก ซึ่ง Toy Story ได้ทำให้ผู้คนใส่ใจว่าแอนิเมชันที่มองได้ทุกเพศทุกวัย ก็สามารถมีรายละเอียดที่เข้มข้นลักษณะเดียวกันกับภาพยนตร์ได้ แถมยังสร้างบรรทัดฐานใหม่ ด้วยการเป็นภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องแรกที่สร้างด้วยระบบคอมพิวเตอร์กราฟิกส์ แล้วก็การใช้ศิลปินดังมาบรรยายเสียงก็ช่วยทำให้นักแสดงกระปรี้กระเปร่าเยอะขึ้นเรื่อยๆด้วย โดยสิ่งกลุ่มนี้ได้แปลงเป็นเสมอเหมือนคัมภีร์ไบเบิลที่หลายสตูดิโอเอาไปใช้ตาม และก็เกิดภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติตามมามหาศาลสุดท้าย
ขณะนี้ เมื่อมองดูไปยังบริษัทผลิตภาพยนตร์ต่างๆพวกเราจะมองเห็นได้เลยว่าภาพยนตร์แอนิเมชันได้ถูกปรับแปลงให้เป็นแบบ 3 มิติกันแทบหมดแล้ว ด้วยเหตุว่าสามารถสร้างได้ง่ายและก็ออมทรัพยากรสำหรับเพื่อการสร้างมากยิ่งกว่าแบบ 2 มิติ แม้กระนั้นแม้กระนั้นแม้ว่าจะมีภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติออกมาล้นหลาม พิกซาร์ก็ยังคงเป็นเจ้าตลาดที่ชนะใจผู้คนตลอดมากระทั่งเวลานี้ กล่าวได้ว่าถ้าไม่มีก้าวแรกของ Toy Story ในวันนั้น ภาพยนตร์แอนิเมชัน 3 มิติในวันนี้บางทีอาจออกมาอีกแบบอย่างหนึ่งเลยก็เป็นไปได้