เปิดใจ ไม่อยากรับบทเกย์เหมือนเมื่อก่อนแล้ว เพราะมันดู “ปลอม” มากในยุคนี้
ในยุคนี้อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วว่า ความมากมายทางเพศนั้นกำลังเป็นความจริงใหม่ที่เกิดขึ้นในหลายๆแวดวง เรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงแวดวงหรรษา ถึงแม้สื่ออย่างภาพยนตร์จะมีพื้นที่ให้กับ LGBTQIA+ หรือผู้ที่มีความมากมายหลากหลายทางเพศมานานแล้ว แม้กระนั้นก็ยังมีปริศนาในแวดวงภาพยนตร์อยู่ตลอด ถึงการนำเสนอเรื่องราวของพวกเขาโดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเสนอเรื่องราวของผู้ที่มีความมากมายหลากหลายทางเพศจากมุมมองที่คลาดเคลื่อน หรือแม้กระทั้งข้อคัดค้านที่ว่า ต้องมีการนำผู้ที่มีความมากมายทางเพศมาแสดงในหน้าที่นี้ให้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่าเดิมไหม ในแง่ว่า ผู้ที่มีรสนิยมถูกใจเพศตรงข้าม บางทีอาจไม่อาจจะถ่ายทอดหน้าที่ LGBTQIA+ ได้อย่างเข้าถึงรวมทั้งอินพอๆกับผู้แสดงที่เป็น LGBTQIA+ อยู่แล้ว
ปัจจุบัน ดาราหนังฮอลลีวูดความสามารถเก๋าขวัญใจชาวประชาชนอย่าง ‘ทอม แฮงก์ส’ (Tom Hanks) วัย 65 ปี ก็ได้แสดงออกเกี่ยวกับการนำเสนอเรื่องราวความมากมายหลายทางเพศที่น่าดึงดูด รวมทั้งน่าเอาไปคิดต่อ ผ่านบทสัมภาษณ์ของเขาในเว็บ The New York Times โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ ที่เขาจำเป็นต้องสวมบทบาทเป็นทนายในที่ทำการกฏหมายที่ฟิลาเดเฟีย ที่จำต้องปกปิดรสนิยมทางเพศที่เป็นเกย์ รวมทั้งมีอาการป่วยด้วยโรคภูมิคุมกันบกพร่อง (AIDS) ของตนเพื่อไม่ให้กระทบกับหน้าที่การงานส่วนหนึ่งส่วนใดของบทสัมภาษณ์ คนสัมภาษณ์ได้ถามกับแฮงก์สว่า เขาคิดเช่นไรกับหน้าที่ทั้งคู่ประเด็นนี้ของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหน้าที่ที่ทำให้เขาได้รับออสการ์ทั้งยัง 2 ครั้ง ก็ล้วนได้มาจากหน้าที่เกย์ (‘Philadelphia’) และก็บทผู้ที่เป็นออทิสติก (‘Forrest Gump’) โดยเขาได้เผยออกมาว่า ในขณะนี้ เขาจะปฏิเสธเล่นบทบาทเกย์อีกต่อไปแล้วรวมทั้งเขาเห็นว่า ในเหตุการณ์เดี๋ยวนี้ที่มีความรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับความมากมายหลากหลายทางเพศมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่เป็นสเตรท (Straight – ผู้ที่มีรสนิยมถูกใจเพศตรงข้าม) ก็ไม่สมควรเล่นเป็นตัวละครที่เป็นเกย์ (หรือในลักษณะเดียวกัน ก็ไม่สมควรเอาคนธรรมดามาแสดงเป็นผู้ที่เป็นออทิสติกด้วย) อีกต่อไป โดยเขาได้รายงานในหัวข้อนี้ว่า
อันนี้ผมพูดตรงไปตรงมานะว่า เพศชายที่เป็นสเตรทจะมารับบทแบบที่ผมแสดงใน ‘Philadelphia’ ได้ไหม คำตอบก็คือไม่แล้วก็โน่นก็เกิดเรื่องที่ถูกแล้วล่ะ สิ่งที่ทำให้ Philadelphia ยังมีคนติดอกติดใจอยู่ตอนนี้ เพราะมันมองไม่น่ากลัวต่างหาก เหตุผลหนึ่งที่ผู้คนไม่เกลียดชังกลัวหนังหัวข้อนั้น เป็นด้วยเหตุว่าตัวผมที่ได้แสดงเป็นเกย์ แม้กระนั้นช่วงนี้พวกเราไปไกลกว่านั้นมากแล้ว แล้วก็ผมไม่คิดว่าผู้คนยุคนี้จะเห็นด้วยความเลียนแบบของชายแท้ที่จำเป็นต้องเล่นบทเป็นเกย์ในแบบที่ผมเคยทำถ้าหากเป็นตอนนี้นะ ดาราที่เป็น straight (รักเพศตรงข้าม) อาจไม่มีวันที่กำลังจะได้รับการคัดสรรให้แสดงในหนัง Philadelphia อย่างแน่แท้ ถ้าเกิดเป็นตอนนี้ ผมอาจจะถูกเอาไปล้อรวมทั้งสับเหลวบนโซเชียลเน็ตเวิร์คก่อนจะได้โอกาสได้มองซะอีก เนื่องจากว่าปัจจุบันนี้คุณไม่สามารถที่จะจะทำอะไรอย่างนั้นได้อีกต่อไปแล้วมันไม่ใช่อาชญากรรม ไม่ใช่เรื่องเหลวไหลอะไรทั้งหมด หากมีใครซักคนจะกล่าวว่า พวกเราควรจะเรียกร้องให้ภาพยนตร์เพิ่มข้อเท็จจริงแบบใหม่ๆให้เพิ่มมากขึ้นกว่านี้…นี่ผมกำลังเทศน์อยู่รึเปล่าเนี่ย โทษหนไม่ได้ตั้งใจ เป็นภาพยนตร์แนวดราม่ากฏหมาย ผลงานการควบคุมภาพยนตร์โดย โจนาธาน เดมมี (Jonathan Demme) ที่เคยสร้างชื่อจากภาพยนตร์สยองขวัญ ‘The Silence of the Lambs’ (1991) แล้วก็ ‘Stop Making Sense’ (1984) ภาพยนตร์บันทึกการแสดงสดของวงดนตรี ‘Talking Heads’
ตัวบทภาพยนตร์ได้แรงจูงใจจากเรื่องจริงของทนายที่ฟ้องที่ทำการกฏหมายของตนเองในข้อกล่าวหาเลิกว่าจ้างโดยไม่ถูกต้อง ภายหลังที่เขาถูกเลิกว่าจ้างอย่างไม่ยุติธรรมภายหลังที่เขาถูกกล่าวมาว่าเป็นเกย์ และก็เป็นโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่อง โดยทนายความผู้นั้นชนะคดีท้ายที่สุด ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาถัดมาในความเป็นจริงแล้วบทนี้มิได้เป็นของแฮงก์สตั้งแต่ตอนแรกตั้งแต่ก่อนถ่ายทำ แม้กระนั้นตัวเลือกแรกของคณะทำงานเป็น ‘แดเนียล เดย์-ลูอิส’ (Daniel Day-Lewis) ที่เพิ่งจะผ่านงานแสดงในรูปภาพยนตร์โรแมนติกพีเรียด ‘The Age of Innocence’ (1993) ดำกับโดย ‘มาร์ติน สกอร์เซซี’ (Martin Scorsese) แม้กระนั้นเจ้าตัวก็ไม่ยอมรับ ก่อนที่จะบทนี้จะมาเป็นของแฮงก์ส โดยเจ้าตัวเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า ที่เขาได้รับบทนี้เพราะ เขามีลักษณะท่าทางที่มองไม่น่ากลัวบนจอภาพยนตร์ เพื่อผู้ชมรู้สึกเห็นใจนักแสดงที่เป็นเกย์แล้วก็ติดเชื้อโรค HIV
ภาพยนตร์หัวข้อนี้จัดฉายรอบรอบปฐมฤกษ์ในวันที่ 14 ธ.ค. 1993 โดยมีการมอบรายได้จากการจัดฉายเพื่อหน่วยงานที่ดูแลเกี่ยวกับโรคภูมิคุมกันบกพร่อง รวมทั้งมีการฉายแบบจำกัดโรง ก่อนที่จะมีการเพิ่มโรงฉายในเดือนต่อมา นอกเหนือจากนั้น ‘Philadelphia’ ยังเป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรกๆที่พรีเซ็นท์เรื่องราวเกี่ยวกับเกย์ แล้วก็โรคภูมิคุมกันบกพร่องบนแผ่นฟิล์มถ่ายรูป ด้วยงบประมาณตามมาตรฐานหนังฮอลลีวูด และก็ใช้ดาราหนังดังๆมาร่วมแสดง ในสมัยในยามที่คนยุคนั้นยังคงมีทัศนคติต่อเกย์ว่าเกิดเรื่องแปลกไม่ถูกเพศ รวมทั้งมีความรู้สึกชังกลัวโรคภูมิคุมกันบกพร่อง แล้วก็ผู้ที่เป็นโรคโรคภูมิคุมกันบกพร่อง เนื่องมาจากในยุคนั้น ยังเป็นโรคที่เป็นไปไม่ได้รักษาให้หายสนิท ติดแล้วตายสถานที่เดียว ตัวหนังได้รับคำชื่นชมพอควร แต่ว่าที่ซึ่งพูดได้ว่าแจ้งกำเนิดก็คือแฮงก์ส ที่ตีบททนาย ‘แอนดรูว์ แบ็กเกตต์’ (Andrew Beckett) ได้แตก จนถึงสามารถครอบครองรางวัลสาขาผู้แสดงฝ่ายชายดีที่สุด (Best Actor) จากงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 66 รายปี 1994 เป็นครั้งแรกในชีวิต ก่อนที่จะเขาจะขอจองรางวัลเดียวกันนี้ต่ออีก 1 ปี จากผลงานภาพยนตร์ในตำนานอย่าง ‘Forrest Gump’ (1994) ที่ทำให้เขาแปลงเป็นผู้แสดงมือโปรที่ได้รับการยินยอมรับ และก็ศิลปินฮอลลีวูดขวัญใจคนท้องถิ่นมาจนถึงเวลานี้