เงื่อนรักในบ่อน้ำลึก โรแมนติกดราม่าน้ำเสียเคล้าน้ำดีที่มีกลิ่นทริลเลอร์จาง
คนไหนกันที่เป็นแฟนผลงานการแสดงหน้าที่สาวบลอนด์หัวใจลิงโลดใน ‘Legally Blonde’ (2001) ของคุณ รีส วิทคุณร์สปูน (Reese Witherspoon) วันนี้คุณกลับมากับผลงานใหม่ขอรับ แม้กระนั้นมิได้มาในฐานะดาราครับ แต่ว่ามาในฐานะโปรดิวเซอร์ผลงานภาพยนตร์เรื่องใหม่ในชื่อว่า ‘Where The Crawdads Sing’ หรือในชื่อไทย ‘เงื่อนรักในบ่อน้ำลึก’ ประเด็นนี้ล่ะครับผม ซึ่งเป็นหนังที่ดัดแปลงแก้ไขมาจากหนังสือนวนิยายต้นฉบับในชื่อเดียวกันที่เขียนโดย ดีเลีย โอเวนส์ (Delia Owens) ที่เผยแพร่เมื่อปี 2018
ตัวอักษรรับรองความไม่ธรรมดาด้วยการตำหนิดชั้นหนังสือขายดีเป็นอันดับหนึ่งของ ‘The New York Times Fiction’ อย่างช้านานถึง 48 อาทิตย์ ตั้งแต่ปี 2019 ลากยาวผ่านมาถึงปี 2020 ส่วนฉบับแปลภาษาไทยในชื่อ ‘เงื่อนรักในบ่อน้ำลึก’ (แปลโดย วรินทร์ วารีนุกูล) เผยแพร่โดยสถานที่พิมพ์ม้ายูนิคอร์น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือเล่มโปรดที่ รีส วิทคุณร์สปูนเสนอแนะในชุมนุมเสนอแนะหนังสือของคุณเองในชื่อ ‘Reese’s Book Club’ มาแล้ว ก่อนที่จะคุณจะซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างเป็นหนัง แถมยังได้แม่เทย์ เทเลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ร้องเพลงประกอบภาพยนตร์ “Carolina” ให้อีกต่างหาก
‘Where The Crawdads Sing’ เกี่ยวกับเรื่องราวของ คยา คลาร์ก (Daisy Edgar-Jones) หญิงสาวที่เกิดและก็เติบโตในสระน้ำกว้างรวมทั้งแถบชายเลน บาร์กลีย์ วัวฟ (Barkley Cove) เมืองนอร์ธแคโรไลนา (North Carolina) คุณมีบิดาที่ถูกใจดื่มสุราแล้วก็มักจะทำร้ายร่างกายคนที่อาศัยอยู่ในครอบครัว จวบจนกระทั่งแม่รวมทั้งญาติพี่น้องของคุณเริ่มหนีออกมาจากบ้านไปครั้งละคนยากจนเหลือแค่คยาแต่เพียงลำพัง คุณก็เลยถูกคนกรุงตั้งชื่อว่า ‘สาวบ่อน้ำน้ำ’ (Marsh Girl) คุณแปลงเป็นคนแตกต่างจากสังคม ที่จำต้องดิ้นรนทำความเข้าใจการเอาชีวิตรอดแต่เพียงลำพัง โดยมี จัมพิน (Sterling Macer Jr.) แล้วก็ มาเบล (Michael Hyatt) ผัวเมียคนผิวดำเถ้าแก่ขายสินค้าชำผู้อารี ที่รู้เรื่องแล้วก็รอช่วยเหลือคุณมาตลอดตั้งแต่เด็กจนถึงโต
กระทั่งเมื่อคุณโตขึ้นเป็นสาว คุณเริ่มได้ทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆที่เข้ามาปะทะกับตัวคุณเอง ทั้งยังมิตรภาพที่สวยระหว่าง เทต วอล์กเกอร์ (Taylor John Smith) เพื่อนชายที่รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก และก็ศึกษาความเจ็บของสังคมและก็ความแตกกัน จากเรื่องที่ เชส แอนดรูว์ (Harris Dickinson) เด็กหนุ่มนิสิตผู้รูปหล่อที่สนิทสนมกับคุณ เสียชีวิตเปลี่ยนเป็นศพอยู่ในสระน้ำอย่างปัญหา สาวน้อยไม่รู้เดียงสาแม้กระนั้นแตกต่างอย่างคยาก็เลยจำเป็นต้องกลายเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีการฆ่าสังหาร และก็การตีตราจากคนกรุงอย่างไม่สามารถที่จะหลบหลีก มีแม้กระนั้น ทอม ไม่ลตัน (David Strathairn) ทนายที่สมัครใจช่วยทำให้คุณหลุดพ้นคดีนี้ไปได้
ในรูปภาพรวมของหนังประเด็นนี้ ตัวหนังเองจะเล่าด้วยการตัดสลับ 2 เส้นเรื่องที่เกิดขึ้นใน 2 ระยะเวลาสลับกันไป เส้นเรื่องแรกนั้นจะเริ่มด้วยสถานะการณ์เดี๋ยวนี้ในปี 1963 ในเงื่อนคดีการสังหาร เชส แอนดรูว์ ชายหนุ่มหล่อที่เสียชีวิตอย่างเป็นปัญหา ไล่ไปจนกระทั่งการสืบคดีการฆ่า ที่นำมาซึ่งการทำให้คยาถูกจับจับ คุณจะต้องขึ้นโรงขึ้นศาลโดยมีทนายความไม่ลตันรอแก้ต่างให้ ซึ่งตัวเรื่องก็จะเริ่มบิดไปเล่าด้วยแนวทางแบบ Courtroom Drama และก็ส่วนลำดับที่สอง ตัวหนังจะย้อนไปตอนปี 1952 เพื่อเล่าตอนที่คยานั้นยังเป็นเด็กที่คุณจะต้องเอาชีวิตรอดสำหรับการเอาชีวิตรอดเพราะว่าโดนทิ้งให้อยู่ตามลำพัง ซึ่งคยาเองก็จำต้องศึกษาการเอาชีวิตรอด และก็ศึกษากับความรัก ความแปลกแยก ความทารุณไร้มนุษยธรรมของสังคม ซึ่งพาร์ตนี้คนเขียนเรียกกล้วยๆว่าเป็นพาร์ผายลมราม่า/โรแมนติก
จริงๆตัวเรื่องราวต้นฉบับจากหนังสือเองก็มีความน่าดึงดูดใจอยู่ไม่น้อยครับผม ถึงแม้นักเขียนเองเวลาที่มอง (แบบที่ยังมิได้อ่านนิยาย) จะเชิญให้ระลึกถึงแก่นแกนหัวข้อเรื่องของอคติด้านสังคม ความแปลกแยก ความร้ายแรง อำนาจของเพศชายที่สะท้อนผ่านผู้แสดงนำชายทั้งยัง 2 คน ความเป็นมนุษย์ขอบของคยา (รวมทั้งจัมพิน-มาเบลที่เป็นคนผิวดำ) ผ่านบริบทและก็บรรยากาศของสังคมในทศวรรษ 1960 ที่มักโอบล้อมไปด้วยหัวข้อเรื่องกลุ่มนี้ในบันทึกประวัติศาสตร์อยู่เป็นทุนเดิม ซึ่งจะว่าไปแล้วคนเขียนเองก็คิดไปถึงหนังเรื่อง ‘To Kill a Mockingbird’ (1962) ที่มีธีมรวมทั้งบรรยากาศคล้ายอยู่แบบเดียวกัน
แม้กระนั้นควาามสะดุดตาที่แจ้งชัดของ ‘Where The Crawdads Sing’ น่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการประสานเรื่องราวในเชิงดราม่า/โรแมนติก เข้ามาเสริมหัวข้อเรื่องของความเป็นมนุษย์นอก ความแปลกแยก ความร้ายแรง และก็ความวางใจกันของผู้คน คนริมให้มีความน่าติดตามมากเพิ่มขึ้นนี่แหละขอรับ เพียงแต่ว่ามันไม่ใช่พล็อตน้ำเสียจี๊ดจ๊าดไล่ตบกัน แม้กระนั้นเป็นดราม่าโรแมนติกแบบ Slow Burn ที่โดยรวมแล้วทำออกมาได้สวยสดงดงาม พาร์ตโรแมนติกดูแล้วจิตใจฟู ส่วนพาร์ผายลมราม่าหลักสำคัญครอบครัวและก็สังคม ดูแล้วก็เชิญให้รันทดห่อเหี่ยวอยู่ไม่น้อย ซึ่งพาร์ตนี้ล่ะซึ่งสามารถหว่านล้อมให้ตัวหนังมีความสนุกสนานและก็น่าติดตามได้อย่างที่ซึ่งพูดได้ว่าไม่มีเบื่อกระทั่งชักชวนง่วงงุนเหลือเกินนัก
แม้กระนั้นจะเนื่องจากด้วยการปรับเปลี่ยนบท หรือแม้กระทั้งธีมเรื่องจากนิยายต้นฉบับหรืออะไรก็แล้วแต่แต่ว่า ทำให้ตัวหนังนั้นด้วย Conflict รักซ้อนลึกลับซับซ้อน ความหึงหวง ความเชื่อใจ ชีวิตรันทด โดนสังคมไม่ชอบ มากยิ่งกว่าที่จะขับเคลื่อนด้วยใจความสำคัญหนักๆรวมทั้งพาร์ตความเป็นหนังทริลเลอร์ ทั้งยังการนำเสนอการการสืบสวนไต่สวน ไขคดีการฆ่า ที่ดูเหมือนยังไม่ค่อยให้น้ำหนักมากพอ พอใช้หนังดำเนินไปถึงจุดที่เป็น Courtroom Drama ก็เลยออกมามองสลับซับซ้อนน้อยไปหน่อย
แล้วก็การคั่นข้อความสำคัญด้านมืดของผู้คน ซึ่งทั้งปวงล้วนมาจากความแปลกแยกของคยา ความร้ายแรงในครอบครัว ความเป็นมนุษย์ริมของสังคม และก็ความไว้วางใจ/ไม่ไว้วางใจของคยาที่มีต่อชายแฟนทั้งคู่ ซึ่งนับได้ว่าเป็นน้ำดีของนิยายต้นฉบับมีความเจือจางบางเบากว่าที่ควรจะ ถึงแม้ตัวหนังจะผูกปมเกี่ยวกับการโดนเพศชายทิ้ง (บิดา–แฟน) ของคยา ที่เชิญให้เชื่อมโยงถึงผลพวงของคยาที่เกิดขึ้นจากอำนาจของเพศชาย
แล้วก็การปูเรื่องให้คยาเองมีมุมมองต่อความรู้ความเข้าใจมนุษย์ ธรรมชาติ แล้วก็แอบแทรกหลักสำคัญเรื่องของเหยื่อรวมทั้งผู้ตามล่า หลักสำคัญเพื่อนพ้องหญิงพลังหญิงเอาไว้อย่างแนบเนียน ซึ่งปูไปสู่ข้อสรุปที่เอาจริงเอาจังๆก็ร้ายแรงอยู่พอเหมาะพอควร แม้กระนั้นพอสมควรหนังมิได้ให้น้ำหนักมากมาย ผลที่เกิดก็คือตัวหนังเลยออกมากลางไปหมด กระทั่งมิได้พาให้รู้สึกมีอารมณ์ร่วมไปกับผู้แสดงได้มากสักเท่าไหร่ อีกอย่างเป็น หากอ่านนิยายมาแล้วหรือพอเพียงจับกลิ่นได้ระหว่างมอง จะพบว่าในความเป็นจริงแล้วตัวพล็อตมีความทายใจง่ายอยู่แบบเดียวกันครับผม
แม้กระนั้น ‘Where The Crawdads Sing เงื่อนรักในสระลึก’ ก็น่าจะเป็นหนังสร้างขึ้นจากหนังสือที่นับว่าสร้างบรรยากาศที่แปลกใหม่แล้วก็มากมายก้าวหน้าพอเหมาะพอควรครับ มีพาร์ผายลมราม่าน้ำเน่าเคล้าน้ำดีที่ดูแล้วจรรโลงใจ ดูแล้วรู้สึกหัวใจฟูไปกับความโรแมนติก และก็ดวงใจยุบกับดราม่าเชิญรันทด การแสดงของ เดซี เอ็ดการ์-โจนส์ (Daisy Edgar-Jones) ในบทคยา ก็สามารถหามหนังได้ดิบได้ดีพอเหมาะ ถึงแม้ตัวหนังจะมิได้ดีไซน์ให้โชว์ความสามารถมาก หากแม้ตัวหนังจะทำออกมามองกลางหนักไปทางโรแมนติกดราม่ามากสักนิด แต่ว่าก็นับได้ว่าเป็นหนังที่ให้ความบันเทิงสำหรับคนชอบดูหนังดราม่าได้ดิบได้ดีพอเหมาะพอควร