หนังพลังจินตนาการผู้ชม อัดแน่นไปด้วยปัญหาที่ไม่ต้องการหาคำตอบ
แนวหนังตัวประหลาดมองน่าจะเป็นแนวน่าขยาดของแวดวงภาพยนตร์ไทย ยิ่งถ้าหากว่าเป็นแถวหนังตัวประหลาดยักษ์ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่เนื่องจากการผลิตภาพนั้นก็ยากตามไปด้วย จะหลบกล้องถ่ายภาพเอาตลอดก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ครั้นเมื่อจะให้มองเห็นตัวก็ดีไซน์ฉากยากเนื่องจากว่าขนาดตัวของมันบังคับให้ไม่ทำหุ่นขนาดใหญ่ก็จะต้องพึ่งซีจี ไม่ว่าจะแบบไหนก็ใช้เงินลงทุนมากมายรวมทั้งเสี่ยงกับการโดนกล่าวหาภาพตบตาถ้าเกิดทำไม่ถึงทั้งหมด
แต่ว่าก็จะต้องเห็นด้วยในความเก่งกล้าของผู้กำกับ วิษณุดงษ์ ลีทองคำคํา ที่เคยส่งผลงานแนวตื่นเต้นเรื่อง ‘The Maid สาวลับใช้’ แล้วก็มาขอยกฐานะความหวาดสะดุ้งในหนังแนวไคจู หรือตัวประหลาดขนาดใหญ่ในหัวข้อนี้ นับได้ว่าเป็นก้าวที่ทะยานอยากไม่น้อย
ทั้งยังการไปดึง หน้าจอร์มอง เชลล์ (Jordu Schell) ดีไซน์เนอร์ตัวประหลาดในหนัง ‘Cloverfield’ (2008) และก็ ‘Avatar’ (2009) มาช่วยสร้างอสูรกายในสระใหญ่ที่ผสมระหว่างปลาดุก ตะไข้ แล้วก็งู โดยใช้วิสัยทัศน์การนำเสนอที่ได้แรงผลักดันจากหนังอย่าง ‘Jurassic Park’ (1993) หรือ ‘Godzilla’ (1998) ที่คุ้นหน้ากับฉากสัตว์ร้ายกึ่งกลางฝนและก็ความมืดมนของช่วงกลางคืนสลับแสงสว่างฟ้าผ่าแล้วก็ไฟเร่งด่วนในบรรยากาศเมืองบ้านนอกของไทยได้อย่างพอดี แล้วก็ซ้ำเติมว่าผู้ผลิตเองก็ถูกต้องแม่นยำสำหรับในการคุมมู้ดแล้วก็โทนของหนังพอเหมาะพอควร
รวมทั้งการเลือกดาราซึ่งสามารถหามฉากของตนได้อีกทั้ง ออม-สุชาร์ พยายามยิ่ง ในบทพี่สาวคนโตของบ้านชายทะเลสาบที่เจอไข่ตัวประหลาด, อาร์ตี้-ธนฉัตร ตุลยฉัตร ในบทน้องชายของออมที่ล้มเหลวจากเมืองหลวงกลับมาภูมิลำเนา, ปู–วิทยา ปานศรีสวย ในบทหัวหน้าตำรวจประจำจังหวัดที่รับผิดชอบตกลงใจสั่งทั้งหมดทุกอย่าง, ตุ้ย-ธีรภัทร์ สัจจกุล ในบทสารวัตรที่ตามคดีนี้มาแต่เดิม รวมทั้งทองษา เวชกาม หรือรู้จักกันในชื่อ ลำไย ไหทอง ที่มารับบทบาทบุตรสาววัยผู้ทรยศของตุ้ย ถึงแม้รูปลักษณ์ของคุณกับตุ้ยมิได้มองห่างขนาดจะเป็นบิดากับลูกแม้กระนั้นเอาจริงเอาจังแล้ว คุณก็มองไม่เคอะเขินเหลือเกินที่จะเป็นเด็กมัธยมศึกษาตอนปลาย น่าจะเป็นว่าตุ้ยมองยังชายหนุ่มเกินวัยเสียมากกว่า
ที่ว่ามาจัดว่าล้วนเป็นจุดเด่นของหนังที่น่าชื่นชอบ
ด้วยจุดเด่นที่ว่ามาที่ผู้ผลิตเพียรพยายามอย่างมากให้ปรากฏออกมา ประกอบกับข้อจำกัดกรอบจำกัดการทำงานที่เริ่มเข้าใจได้จากผลงานที่เสร็จแล้ว ทั้งยังปัญหาด้านทุน เวลา การผสานหลายข้างที่เกี่ยว ได้แก่ ทุนจีน และก็ความยากโดยฐานรากของหนังสัตว์ยักษ์เป็นทุนเดิม ล้วนเป็นสิ่งที่น่าสงสารอยู่แล้ว มันก็เลยทำให้หนังประเด็นนี้เป็นอะไรที่พวกเรารังเกียจไม่ลง แต่ว่าเวลาเดียวกันก็จำเป็นต้องเห็นด้วยว่ามันเป็นการขืนทนมองไปพร้อมความอารมณ์เสียหัวใจหลายประการตลอดเรื่องด้วยเหมือนกันอาจจะกล่าวว่าหนังมี 3 เรื่องสั้นที่น่าดึงดูดในตนเองอยู่ในนั้นแล้วก็คงดีถ้าเกิดต่างคนต่างอยู่กันไปๆมาๆกกว่าที่จะเอามารวมกันแล้วมองไม่เกื้อหนุนกันอย่างที่เป็น หนังสั้นอีกทั้งสามเรื่องเป็น
เรื่องแรก คือเรื่องของครอบครัวประชาชนต่างจังหวัดที่มีชีวิตพึ่งพิงทำการเกษตร วันหนึ่งบุตรสาวคนเล็กกำเนิดเจอไข่ลึกลับและก็ทำให้คุณรู้สึกพิเศษกว่าผู้ใดคุณแหนหวงมันมากมาย แต่ว่าไข่ใบนี้ทำให้เกิดอาการชาวบ้านผู้อื่นต่างจำเป็นต้องพบกับการรุกรานของผีสาง ไม่เว้นแม้กระทั้งพี่สาวกับพี่ชายของคุณที่สุดด้านหลังหากแม้มีชีวิตรอดได้แม้กระนั้นก็จะต้องติดเชื้อโรคจากเลือดพิษทำให้เชื่อมจิตเปลี่ยนเป็นส่วนใดส่วนหนึ่งของปีศาจร้ายโดยไม่ทันรู้สึกตัว ครั้งใดที่ราษฎรมานะจะแทงใส่ตัวประหลาดมันก็เสมือนแทงใส่ตัวพวกเขาไปด้วยราวคำสาปแช่งร้าย เรื่องสั้นนี้มีทั้งยังการเปรียบเทียบเปรยๆแอบซ่อนสัญญะและก็พรีเซ็นท์ใจความสำคัญโต้เถียงเชิงปรัชญารวมทั้งจรรยาบรรณที่น่าดึงดูด โดยอ้างอิงของหัวข้อนี้บางทีอาจเป็น ‘The Host’ (2006) แล้วก็ ‘Stranger Things’ (2022)
เรื่องลำดับที่สอง เรื่องของสารวัตรที่เป็นคุณพ่อเลี้ยงโดดเดี่ยวข้างหลังเมียเสียไปแล้วทิ้งบุตรสาวที่กำลังอยู่ในวัยต้านเอาไว้ โดยที่เขาก็ต้องการดูแลคุณให้ดีเยี่ยมที่สุดแต่ว่าด้วยความเป็นผู้ชายกระด้างและก็ภาระหน้าที่งานตำรวจเขาก็เลยไม่มีช่องทางเปิดใจคุยกับบุตรสาว เลยแปลงเป็นความห่างเหินไป จนตราบเท่าบังเอิญลำดับที่สองบิดาลูกจำเป็นต้องตกอยู่ท่ามกลางการเล่นงานของมารอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้พวกเขาได้รับรู้ว่าต่างข้างต่างรักกันมากมายแค่ไหน หนังได้โอกาสเปรียบเทียบความรักของบิดามารดาระหว่างคนกับอสูรกายได้อีกชั้นยอดด้วย โดยอ้างอิงของหัวข้อนี้บางทีอาจเป็น ‘A Quiet Place’ (2018)
รวมทั้งเรื่องลำดับที่สาม กล่าวถึงเรื่องของวิทยาศาสตร์แล้วก็ความเลื่อมใส นายตำรวจใหญ่ที่ดูแลทั้งยังจังหวัดพบเห็นกับเหตุการณ์ที่เกินมือ เขาจะต้องตกลงใจโดยมีความปลอดภัยของพสกนิกรที่คาดหวังพึ่งเขาเป็นพนัน เมื่อไร้วิถีทางเขาบอกให้พลเมืองเบือนหน้าเข้าพบศาสนาเป็นที่ยึดมั่นท้ายที่สุด ตอนที่อีกทางนักวิทยาศาสตร์คนจีนที่มาเล่าเรียนความประพฤติสัตว์ร้ายอุตสาหะทำความเข้าใจพินิจกระทั่งหาทางรอดได้และก็อุตสาหะหาทางบอกกับนายตำรวจ เรื่องสั้นนี้ยังบางทีอาจพรีเซนเทชั่นในทางของการติชมอำนาจเมืองกับการจัดการกับปัญหาได้อีกด้วย โดยอ้างอิงของหัวข้อนี้บางทีอาจเป็น ‘Shin Godzilla’ (2016)
ซึ่งเอาจริงเอาจังก็ไม่รู้เรื่องหรอกว่าผู้ผลิตคิดอะไรแบบงี้ไว้ไหม แต่ว่าดูจากร่องรอยของตัวหนังนั้นพอเพียงจะเดาได้ ก็เลยมองเห็นทั้งยังจังหวะที่มันบางทีอาจเป็นไปได้ รวมทั้งพอเพียงทายใจได้ว่าผู้ผลิตต้องการจะทำอะไรคิดภาพแบบไหนในหัวกับฉากที่หยอดมาอย่างงี้แต่ว่ามิได้สืบต่อ เป็นดูแล้วทั้งสามเรื่องมีหลักสำคัญแล้วก็เส้นเรื่องที่แข็งแรงมากพอ บางสิ่งบางอย่างบางทีอาจไม่ใหม่มีเดินไปตามสูตรบ้างแม้กระนั้นก็มองเห็นร่องรอยที่การต่อยอดอย่างมีกลเม็ดเด็ดพรายได้ แต่ว่าเพียงพอเอาสามหัวข้อนี้มาทำเป็นหนังยาวเรื่องเดียว มันเต็มไปด้วยแผลตัดแต่งตัดต่อราวกับศพของแฟรงเกนสไตน์ที่ขาดๆเกินๆไม่สมประกอบก็ไม่ปาน
หนำซ้ำผู้ผลิตยังประเมินขนาดของหนังไม่ถูกอย่างร้ายแรง พวกเราเพียงพออนุมานได้ว่านี่เป็นเหตุการที่ที่สั่นทั้งยังจังหวัดอย่างเร็วโดยภัยร้ายนั้นมาจากเทือกเขาและก็ทะเลสาบขนาดใหญ่ที่มองลึกลับ แต่ว่าถ่ายรูปมาเสมือนบ่อน้ำหรือสระในสวนสาธารณะมากยิ่งกว่า การเล่าด้วยภาพก็มีภาพกว้างน้อยมากจนถึงเล่าแทบจะมิได้ พวกจำเป็นต้องหลบกล้องถ่ายภาพพวกฉากตัวประหลาดนั้นเริ่มเข้าใจได้บ้างแม้กระนั้นเวลาไปถ่ายภาพพวกคนก็เล่นแต่ว่าภาพแคบหมดกระทั่งมิได้พักสายตา จะว่าวางกลยุทธ์สร้างบกพร่องจนถึงไม่มีพวกฉากเปิดสถานที่หรือให้ผู้ชมรู้เรื่องพื้นที่ภาพรวม (Establishing Shot) มากพอ หรือเป็นความเจตนาให้มองอึดอัดก็ตอบยาก แต่ว่าผิดพลาดหัวข้อการเล่าโน่นได้ผลสำเร็จลัพธ์ที่ตามมาแน่ๆ
ในปี 2560 ตามเนื้อเรื่องที่เป็นสมัยของไอโฟน 7 เข้า 8 เพราะอะไรจังหวัดนี้ผู้คนราวกับไม่เคยรู้ว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่หรือการถ่ายคลิปลงเครือข่ายสังคมเป็นอย่างไร เกือบจะใช้วิทยุไร้สายคุยกันเอาด้วย จะบอกเป็นโลกแฟนตาซีก็ใส่อ้างอิงความเหมือนจริงมาหนักแน่นเหลือเกิน พลอยทำให้ผลสรุปส่วนท้ายดูหมิ่นสติปัญญาไปด้วยรวมทั้งการควบคุมมู้ดหนังที่ทำเป็นดีก็ยังมีรอยเว้าแหว่งแปลกๆอาทิเช่น ฉากฝนตกกับฟ้าแจ้งแทบตัดสลับกันเลยเหมือนกับอยู่คนละโลกทั้งๆที่จังหวัดเดียวกัน หากดูถึงอารมณ์หนังทำเป็นฉากฝนตกทั้งยังเรื่องคงจะเหมาะกว่าเสียอีก ตอกย้ำซ้ำเติมซ้ำยังเลวร้ายยิ่งไปกว่านั้นไปอีกว่าพล็อตเรื่องจากการผสมร่างไม่แข็งแรงแล้ว การตัดต่อเล่ายิ่งดูไม่ดีไปอีก หลายฉากขาดความเกี่ยวเนื่องทางอารมณ์ เป็นต้นว่า ภาพแรกนักแสดงบางทีอาจสั่นกลัวราวสติจะหลุดแต่ว่าเพียงพอตัดภาพลำดับที่สองนักแสดงยืนนิ่งไร้อารมณ์ไปเสียแล้ว ผู้ชมก็จะไบโพลาร์ตาม
ฉากก่อนหน้าลำดับที่สองตำรวจมาดื่มรับประทานทุกข์น้อยลงราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น ฉากก่อนหน้าเป็นคนเสียชีวิตกึ่งกลางถนนหนทางเป็นสิบแล้ว
ที่หนักกว่านั้นหนังขาดความเกี่ยวเนื่องทางลำดับเหตุผล เป็นหลายฉากกระโดดไปๆมาๆ เสมือนมันขาดสักหนึ่งหรือสองฉากที่ควรมีเชื่อมอยู่ตลอดเลย สมมุติว่า ธรรมดาจำต้องเล่า A B C แม้กระนั้นหนังชอบตัดแบบ A C แล้วปลดปล่อยให้ B เป็นหน้าที่ผู้ชมใส่เข้าไปเอง เป็นถ้าเกิดมันเจตนาทำเพื่อสร้างกลเม็ดเด็ดพรายมันก็มองเก๋ดี แม้กระนั้นพอเพียงมันก็เดินไปตามสูตรหนังมาตรฐาน พวกเราก็เลยรู้สึกเสมือนคนสร้างโยนความรับผิดชอบให้ผู้ชมมากมายไปว่า พวกเราพบความจำกัดมากมายถ่าย B มาใส่มิได้ แต่ว่าพวกท่านก็คงจะเพิ่มกันได้เองเนอะ ซึ่งพอเพียงมันเป็นจำนวนมากเข้าเกือบจะทั้งยังเรื่องมันเลยราวกับพวกเราไปดูการแสดงดนตรีที่นักร้องร้องประโยคหนึ่งและถูกใจหันไมค์มาให้พวกเราร้องรวมทั้งดึงกลับไปร้องประโยคหนึ่งสลับไปแบบงี้ และก็ดันทำแบบนี้อีกทั้งการแสดงดนตรี แน่ๆเพลงนี้พวกเราทราบเนื้อพวกเราร้องได้ เพลงก็เนื่องจากว่าดี แม้กระนั้นพบอย่างงี้มันเชิญชวนน่ารำคาญใจมากเสียกว่า
รวมทั้งบางจุดของหนังเองก็เว้นผ่านไปจนกระทั่งพวกเราไม่รู้เรื่องเจตนาของหนังเลยก็มี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเงื่อนที่เป็นสาระสำคัญทั้งหลายแหล่ อย่างตัวประหลาดเป็นอย่างไร? มันล่าเหยื่อจากอะไรเห็นได้กลิ่นหรือได้ยิน มีความประพฤติอย่างไร? การรับเชื้อแล้วจิตใจเชื่อมกันเป็นอย่างไรแล้วจะมีผลเช่นไรถัดไป? เมืองใช้อิทธิพลตามด้านหลังเรื่องได้ยังไง? การเดินทางของผู้แสดงของตุ้ยเป็นยังไงด้วยเหตุว่าเขามองเห็นอะไรทราบอะไร? สรุปแล้วตัวประหลาดอยากได้อะไรแน่? เป็นสัญญะของอะไรไหมเนื่องจากว่ามองยังไม่แน่ชัด
เต็มไปด้วยปัญหา ที่ว่าไปตามจริงก็เมื่อยล้าจะหาคำตอบภายหลังจากจำเป็นต้องนั่งจินตนาการฉากมาเชื่อมช่วยหนังตลอดทั้งเรื่อง แล้วก็ท้ายที่สุดก็ไม่ได้อยากต้องการจะทราบขนาดนั้นแล้วด้วย ลืมตัวหนังไปแล้วเหลือทิ้งเอาไว้เพียงแค่ว่ากาลครั้งหนึ่งภาพยนตร์ไทยพวกเราทดลองทำอะไรใหม่ๆให้สดชื่นพอแล้วรวมทั้งหนังหัวข้อนั้นชื่อ ‘สระรอยแดง’