ไม่เล็ก ไม่ตื้น ไม่ง่าย ไม่มีไม่เฮี้ยน ไม่มีไม่เหวอ ไม่มีผิดหวัง
ถ้าเกิดจะชี้แจงรสของภาพยนตร์ที่เขียนบทรวมทั้งดูแลโดยผู้กำกับดีกรีรางวัลออสการ์อย่างคุณพี่ จอร์แดน พีล (Jordan Peele) นักเขียนเองก็ต้องการจำกัดหนังของเขาว่าเป็นหนังที่นอกเหนือจากที่จะย้ำความเฮี้ยนของพล็อต การซ่อนเร้นสารใจความสำคัญหนักๆลงไปกับตัวเรื่องราวเฮี้ยนๆหนังของเขาก็ชอบ ‘ชื่อสั้น หนังเฮี้ยน’ อะไรอย่างงี้ล่ะขอรับ เพราะว่าก่อนหน้านี้ที่ผ่านมาชื่อหนังพี่มึงก็มีแม้กระนั้นสั้นๆทั้งหมด ตั้งแต่ ‘Get Out’ (2017) แล้วก็ ‘Us’ (2019) จนกระทั่งมาถึงผลงานปัจจุบันของเขาประเด็นนี้ ที่มีชื่อสุดแสนจะสั้นแล้วก็กวนระดับล่างว่า ‘NOPE’ หรือ ‘ไม่’ ที่นอกเหนือจากที่จะโคตรสั้นแล้วยังเชิญชวนให้มึนว่าตกลงพี่จะเล่าอะไรอย่างไรกันแน่ล่ะเนี่ย
ส่วนที่พูดว่าหนังของพี่แกมันเฮี้ยน ผู้ที่เคยดูหนังของเขามาและก็จะพอเพียงทราบขอรับว่ามันเฮี้ยนแค่ไหน ทั้งยังในทางของการที่ชอบเป็นหนังตื่นเต้น และก็ความแปลกของพล็อตที่เชื้อเชิญให้เหวอแตกเสมอ แต่ว่าก็ยังแฝงข้อความสำคัญเข้มๆแล้วก็แอบจิกกัดโน่นโน่นนี่อยู่ตลอด ทั้งยังการแอบจิกกัดชนชั้นใน ‘Us’ แล้วก็การบ้านการเมืองกล่าวถึงเรื่องของสีผิวใน ‘Get Out’ ที่ยืนยันความยอดเยี่ยมของบทด้วยรางวัลออสการ์สาขาบทเริ่มแรกเยี่ยมยอด แล้วก็ยังถูกชูให้เป็นบทภาพยนตร์ที่ยิ่งใหญ๋ที่สุดที่ศตวรรษที่ 21 ด้วย
ใน ‘NOPE’ ครั้งนี้ จอร์แดน พีล เลือกที่จะทะยานอยากด้วยการอัปสเกลจากหนังเล็กๆที่เน้นย้ำงานด้านเรื่องราวและก็ภาพที่เรียบง่าย มาสู่ภาพยนตร์ที่ฟอร์มใหญ่มากยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากว่าชื่อชั้นของพีลก็นับว่ากำลังมีชื่อในฐานะผู้กำกับยุคสมัยใหม่ความสามารถแน่นแล้วล่ะ ยูนิเวอร์แซล พิกพบร์ส (Universal Pictures) เลยคงจะยินยอมให้เขาจัดหนักกับภาพยนตร์ประเด็นนี้ได้อย่างชัดเจนกว่าเดิม แถมยังเล่นของใหญ่ด้วยการเอากล้องถ่ายรูปฟิล์มถ่ายรูป IMAX มาใช้ถ่ายทำบางช็อตในหนัง รวมกันถึง 46 นาที (บวกกล้องถ่ายรูปฟิล์มถ่ายรูป Panavision 65 มิลลิเมตร) และก็ยังได้ แดเนียล ติดอยู่ลูยา (Daniel Kaluuya) ดาราหนังความสามารถระดับรางวัลออสการ์ ที่เคยร่วมงานกับพีลมาแล้วใน ‘Get Out’ กลับมาร่วมงานกันอีกที
แน่ๆว่าชื่อสั้นทั้งที เรื่องราวใน ‘NOPE’ ก็เฮี้ยนหนักไม่แพ้กัน เพราะเหตุว่าด้วยเรื่องราวที่เกิดขึ้นภายหลังภายหลังจากมีวัตถุบางสิ่งบางอย่างตกลงมาจากฟ้า จนถึงทำให้ โอทิส เฮย์วูด (Keith David) ผู้ครอบครองฟาร์มม้าเฮย์วูด ที่ฝึกหัดม้าเพื่อเอาไว้ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ ตั้งอยู่ในช่องเขาเขตอากัว ดุลเซ เมืองแคลิฟอร์เนีย เสียชีวิตอย่างเป็นปัญหา ทำให้ญาติพี่น้องผู้สืบสกุลอย่าง โอเจ เฮย์วูด (Daniel Kaluuya) พี่ชายแสนเพิกเฉย และก็ เอเมอรัล เฮย์วูด (Keke Palmer) น้องสาวสุดสนุกสนานรื่นเริง จำเป็นต้องกลับฟาร์มมารับตอนธุรกิจแบบไม่ทันตั้งตัว
วันหนึ่ง โอเจได้เจอกับเรื่องราวแปลกๆอีกรอบ เอเมอรัลแล้วก็เขาก็เลยต้องการจะเก็บภาพวัตถุปัญหานี้เอาไว้ เพื่อจะได้เอาไปขาย คุณได้รับความช่วยเหลือเกื้อกูลจาก แองเจิล ทอเรส (Brandon Perea) พนักงานที่ทำหน้าที่ขายเครื่องใช้ไฟฟ้า และก็ แอนท์เลอร์ ฮอยส์ (Michael Wincott) นักถ่ายทำสารคดีมีชื่อเสียง นักเล่นกล้องฟิล์มถ่ายรูปตัวยง สำหรับการไล่เก็บภาพบางอย่างบนท้องฟ้า ในช่วงเวลาที่ ริกกี ‘จูพ’ ขว้างร์ก (Steven Yeun) ผู้ครอบครองสวนสนุกคาวบอย จูปิเตอร์ส เคลม (Jupiter’s Claim) ก็เข้ามามีความเกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ด้วย ทั้งผองจำต้องพบเจอบางสิ่งที่ ‘ไม่’ สามารถแลเห็นได้อย่างง่ายดายเรื่องราวเบื้องหน้าเบื้องหลังที่คาด ‘ไม่’ ถึง และก็ดูราวกับว่าจะเป็นภัยรุกรามที่อันตรายกระทั่ง ‘ไม่’ บางครั้งก็อาจจะจินตนาการถึงแล้วก็ ‘ไม่’ บางทีอาจต้านได้
เว้นเสียแต่ความใหญ่โตของสเกลของตัวหนังแล้ว สิ่งที่น่าจะเป็นจุดแข็งของหนังประเด็นนี้ก็คือ ตัวหนังดูเหมือนแมสเยอะขึ้นเรื่อยๆกว่า 2 เรื่องอย่างเห็นได้ชัดเลยครับผม แม้กระนั้นมันก็แปลกตรงที่ ถ้าเกิดคุณเป็นแฟนๆหนังของ จอร์แดน พีล ก็ย่อมจะคาดหมายโครงเรื่องเฮี้ยนๆจังหวะเขย่าขวัญชักชวนเหวอ แล้วก็พล็อตที่คัลต์ในระดับหนึ่งใช่ไหมนะครับ แม้กระนั้นเปลี่ยนเป็นว่า หากเทียบกับทุกเรื่อง หนังหัวข้อนี้กลับมองง่ายสุดเลยนะครับ เนื่องจากว่าด้วยหน้าหนังที่ขายความแปลกประหลาดมาตั้งแต่ต้นแล้ว มิได้ตั้งธงว่าจะเป็นหนังอินดี้ขนาดนั้น ถึงแม้ผู้ชมจะคาดหมายแบรนด์ จอร์แดน พีล ผู้กำกับสายเฮี้ยนที่มีไอเดียส่วนตัวแบบค่ะๆไปและก็ตาม
เนื่องจากถึงแม้ตัวหนังจะขายความเป็น IMAX ซึ่งธรรมดาก็จะผูกขาดอยู่กับหนังระดับบล็อกบัสเตอร์ซะเป็นส่วนมาก การมีหนังอินดี้พล็อตคัลต์สุดเบอร์ขนาดนี้ได้ถ่ายและก็ฉายด้วยระบบ IMAX ก็เลยเกิดเรื่องที่แปลกและก็น่าดึงดูดมากมาย แต่ว่าอย่างที่บอกขอรับ ถึงแม้ว่ามันจะยังคงเป็นหนังอินดี้อยู่ แต่ว่าก็จำเป็นต้องกล่าวว่าค่อนไปทางมองง่ายยิ่งกว่าทุกๆเรื่อง เนื่องจากเนื่องจากว่าตัวเรื่องราวถูกเล่าแบบ Old School มากมายๆซึ่งก็คือการเลือกที่จะไม่เปิดเผยสิ่งลึกลับออกมาเลยในตอนแรก (Nope) ก่อนที่จะตัวหนังจะเบาๆหยอดความข้องใจอยากรู้ บีบให้ผู้ชมเบาๆรู้สึกถึงภัยรุกรามสุดน่าสยดสยองที่เบาๆคืบคลานเข้ามา แม้ว่าจะมีฉากโหดเหี้ยมๆอยู่โดยประมาณหนึ่ง แม้กระนั้นก็เป็นการย้ำการผลิตอารมณ์ตื่นเต้นเป็นส่วนมาก กระทั่งเชิญให้ระลึกถึงปลาฉลามใน ‘Jaws’ (1975) ที่มิได้โผล่ตัวมาให้มองเห็นในครึ่งแรกของหนังได้อยู่เช่นเดียวกัน
แต่ว่าแม้กระนั้น ศูนย์กลางของมันก็ยังคงเป็นหนังคัลต์เฮี้ยนๆครับ ด้วยเหตุว่าตัวหนังถูกเล่าด้วยจังหวะไม่เร่งรีบ และไม่เรียงไทม์ไลน์ ก็เลยทำให้พีลยังมีจังหวะมันมือ ใส่ข้อความสำคัญหนักๆตามตามทาง ทั้งยังการเสียดสีวัฒนธรรมของอเมริกัน ไล่ตั้งแต่เรื่องของคนผิวดำ ผู้ย้ายถิ่น จิกกัดวัฒนธรรมเบิกบานฮอลลีวูด รวมทั้งคนทำงานเบื้องหน้าเบื้องหลัง ที่ในหนังกล้าเอาชื่อเต็มมาแซะกันแบบชัดๆเลยไปจิกกัดวัฒนธรรมคอนเทนต์ของโลกยุคนี้ ผ่านพล็อตการพยายามถ่ายภาพยูโฟไปขาย เพราะหิวคอนเทนต์ อยากได้ไวรัล อยากได้ยอดแชร์ไม่น้อยเลยทีเดียวแบบจำพวกเจ็บลืมลืมตาย ถึงแม้ว่าภัยล้างโลกมาเยี่ยมหน้าบ้านแล้วแท้ๆทั้งสิ้นนี้สะท้อนผ่านมุกตลกขบขันร้ายหน้าเฉยที่จิกกัดแล้วก็กวนระดับล่างให้ได้ขำแบบลึกๆเป็นช่วงๆ
ก่อนที่จะตัวหนังจะเอาคืนด้วยการเบาๆคลายเงื่อนทุกปัญหาออกมา ทิ้งท้ายขมวดจบด้วยการเปลี่ยนจากความเป็นหนังไซไฟ ความเป็นหนังใหญ่ๆแบบ สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ไปสู่จังหวะคัลต์แบบเฮี้ยนๆสไตล์ จอร์แดน พีล องก์ที่ 2 – 3 ก็เลยเป็นไฮไลต์สำคัญของเรื่องที่จะเบาๆคายผลสรุปและก็ที่มาด้วยกันของแต่ละสถานะการณ์ แต่ละผู้แสดงได้อย่างเชิญชวนเหวอแตก คัลต์ แล้วก็มันมากมายๆแบบสุดลิ่มทิ่มแทงประตูไปเลย เป็นหนังที่ถ้าเกิดคนใดกันแน่ถูกใจก็จะถูกใจไปเลย ส่วนคนใดที่รังเกียจ ก็บางครั้งอาจจะเหวอกระทั่งรังเกียจเข้าไส้แน่ๆ
อีกอย่างก็คือ นักเขียนทราบแล้วครับผมว่าเพราะเหตุไรจะต้องถ่ายด้วย IMAX เนื่องจากว่าผู้กำกับภาพอย่าง ฮอยต์ ฟาน ฮอยเตมา (Hoyte Van Hoytema) สามารถถ่ายทอดความใหญ่โตของช่องเขา ฟ้าสีคราม ให้แปลงเป็นความเวิ้งว้างและไม่น่าเชื่อถือ แถมยังเอื้อให้สร้าง VFX ยูโฟได้แบบใหญ่บึ้มมากมายๆ(คงจะใหญ่ที่สุดในบรรดาหนังเอเลียนแล้วมั้ง (555) รวมถึงการออกแบบเสียงที่เรียกว่าเด็ดขาดจริงๆสามารถสร้างบรรยากาศตื่นเต้นขนลุกเกรียวก้าวหน้ามากมาย เพียงพอเอามารวมกัน ตัวหนังก็เลยฉายภาพของจานบินที่ทำให้มีความรู้สึกได้ถึงความอีพิกเชื้อเชิญละลานตา แต่ว่าก็ยังสามารถถ่ายทอดความคัลต์ พิลึก และก็ความลำบากใจเชื้อเชิญอึดอัดในแบบอย่างของ จอร์แดน พีล ได้ในขณะเดียวกัน
โดยรวมๆ‘Nope’ เป็นหนังแนว Sci-Fi ผสม Horror ที่สร้างบรรยากาศความตื่นเต้นแบบไต่ระดับได้น่าสยดสยองมากมายๆเป็นหนังที่ดำเนินเรื่องแบบเน้นย้ำความอีพิกของภาพรวมทั้งเสียง ที่ไม่ใช่แค่เล่าให้ยูโฟเป็นตัวร้าย แม้กระนั้นมันยังเป็นหนังคัลต์เฮี้ยนๆที่สะท้อนมุมมองของมนุษย์ได้อย่างแปลกแล้วก็เปี่ยมเสน่ห์ เล่าได้สนุกสนาน มีมุกฮาแทรก เชิญชวนให้สงสัยตลอด มิได้มองอนาถาปวดศีรษะ แม้กระนั้นก็มิได้เล่นท่าง่าย เพราะเหตุว่าไม่ทราบจะทายใจผลสรุปอย่างไร แล้วก็เป็นหนังที่ ‘ห้ามสปอยล์’ เด็ดขาด จะมองเอาการเอามันก็พอเพียงไหว จะมองเอาความเฮี้ยนก็ได้ไม่แพ้กัน นับว่าเป็นประสบการณ์นานๆหนที่จะต้องลองสัมผัสด้วยตัวเองแค่นั้นครับผม หนังอย่างงี้ ฟังคลิปสปอยล์หนังในยูทูบเล่าให้ตายอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องหรอก
มันบางทีอาจไม่ใช่หนังที่ทุกคนจะถูกใจ คนชอบดูหนังแมสบางทีอาจรังเกียจความเรื่อยมาเรียงๆจังหวะตัดฉับดื้อรั้นๆสลับไทม์ไลน์ ขบขันหน้าเฉย มุกขำลึกๆแล้วก็ความคัลต์เหวอแตกสุดเบอร์ของมัน คนชอบดูหนัง จอร์แดน พีล บางทีอาจถูกใจกับหนังอินดี้เล็กๆที่มีบท จังหวะ และก็การแสดงที่คมมากกว่า แต่ว่าถ้าหากต้องการทดลองรสแปลกใหม่ๆต้องการสัมผัสกลิ่นหนังอินดี้ในระบบ IMAX สัมผัสความเหวอแตกแหกเตลิด สัมผัสประสบการณ์ ‘อีหยังวะ’ ไปตลอดทั้งเรื่อง หนังประเด็นนี้ตอบปัญหาครับผม เสนอแนะว่า ไปเจิม IMAX สักรอบ แล้วไปซ้ำระบบธรรมดาอีกสักรอบ การันตีจึงควรร้องว่า ไม่!…ไม่มีผิดหวังแน่ๆนะครับ