ส่งเสริมข้อมูลโดย Major Cineplex สำหรับสถานะการณ์สำคัญๆใน ‘Thor Love and Thunder’
กล่าวได้ว่าเป็นซูเปอร์ฮีโรตัวแรกของมาร์เวล สตูดิโอเลยก็ว่าได้สำหรับ ธอร์ (Thor) ที่ได้มีหนังเรื่องที่ 4 เป็นของตนเองในชื่อ ‘Thor Love and Thunder’ โดยได้ ไทกา ไวทิทิ (Taika Waititi) ผู้กำกับชาวนิวซีแลนด์ที่เคยจับบังเหียน ‘Thor Ragnarok’ หนังภาคที่ 3 ของธอร์มาก่อนหน้านี้ โดยจากแบบอย่างหนังพวกเราก็พอเพียงจะคาดหมายได้แล้วว่าสิ่งที่กำลังจะได้มองเห็นแน่นอนเป็นการกลับมาของผู้แสดง ดร.เจน ฟอสเตอร์ ของทุ่งนาตาลี พอร์ตแมน (Natalie Portman) ในรอยเปื้อนของฮีโรธอร์คนใหม่และก็การร่วมทางไปทั่วกาแล็กซีไปกับเหล่า ‘Guardian of the Galaxy’ จะเริ่มที่ความบ้าคลั่งโกรธแค้นของ กอร์ ป๋าที่จำเป็นต้องสูญเสียบุตรสาวไปกับความยากจน รวมทั้งเทวดาที่เขาเชื่อถือก็หันหลังให้กับเขาตราบจนกระทั่งกอร์ได้ฆ่าเทวดาองค์แรกด้วยเนวัวรซอร์ด กอร์ก็ให้คำมั่นข้อตกลงว่าจะตามล้างบางเหล่าเหล่าเทวดาทั้งมวล ซึ่งภารกิจหลักของกอร์เป็นการบุกแอสการ์ด ทำให้ ธอร์ วัลคีรี และก็เจน ฟอสเตอร์ในมาดของไมตี้ ธอร์ จำต้องหยุดกอร์ให้ได้ก่อนมันเดินทางไปสู่อีเทอร์นิตี้ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่จักรวาลแล้วก็ทำความมุ่งมาดปรารถนาสุดโหดร้ายทารุณของมันให้เสร็จเพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์รายละเอียดและก็บอกความลับเกินความจำเป็น รีวิวฉบับนี้ขอกล่าวใจความสำคัญที่น่าดึงดูดของหนังเป็นข้อๆครับ
เรื่องราวเข้มข้นได้ไพเราะเหล่าผู้แสดง จำเป็นต้องเห็นด้วยว่านอกจากรูปลักษณ์แล้วก็เกียรติศักดิ์ของซูเปอร์ฮีโรที่มาจากคอมิกของธอร์แล้ว การใส่หน้าที่ของ คริส เฮมส์เวิร์ธ (Chris Hemsworth) ก็เป็นหลักฐานชั้นยอดว่าบางค้างแรกเตอร์มันก็เลือกดารา ซึ่งตั้งแต่แมื่อปี 2011 ที่พวกเราได้มองเห็นพี่เฮมส์เวิร์ธเป็นขุนค้อน ผู้ชมก็ไม่บางทีอาจสลัดภาพของเขาออกมาจากตัวของธอร์ได้ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็จำต้องสารภาพล่ะครับผมว่าเสน่ห์ส่วนตัวของเขาที่สร้างให้กับธอร์เองก็ดันทำให้ผู้ชมเคยชินกับภาพเดิมๆจนกระทั่งพวกเราบางทีอาจไม่ค่อยเซอร์ไพร์สเท่าใดแล้วกับการปรากฎตัวของเขา สรุปว่าเฮมส์เวิร์ธก็ยังเป็นธอร์ที่พวกเรารักได้อย่างเดิมล่ะนะครับ แถมแฟนเซอร์วิสด้วยฉากโชว์ตูดที่ผู้หญิงคอยแม้กระนั้นยังเทียบกับอีก 2 ผู้ที่พวกเราจะเอ่ยถึงมิได้และก็สำหรับคนแรกที่พวกเราจะเอ่ยถึงก็คือ คริสเตียน เบล (Christian Bale) ดาราหนังอังกฤษเจ้าหน้าที่ที่เคยใส่ชุดมนุษย์ค้างคาวมาแล้วในตรีภาค ‘The Dark Knight’ ของค่ายดีซี แม้กระนั้นพอเพียงข้ามฝั่งมามาร์เวล เบล ถูกทาตัวขาวบริเวณใบหน้ามีรอยแผลเสมือนอสูรร่างย่อมๆที่ทรงอำนาจ แต่ว่าเมกอัปและก็ความเป็นแฟนตาซีไม่บางทีอาจบังความสามารถการแสดงอันเอกอุดมได้ ไม่ฉงนใจเลยที่ไวทิทิ ผู้กำกับเลือกให้เวลาตอนเปิดเรื่องเล่าที่มาความเจ็บของวิลเลียนตัวปัจจุบันอย่างกอร์ เนื่องจากเบลสามารถถ่ายทอดความลำบากใจ และก็รอยแผลที่ลูกรักถูกพรากไปได้อย่างสะอาดแล้วก็ทรงประสิทธิภาพ
อีกผู้ที่บางทีอาจไม่ใช่คนใหม่แต่ว่าเป็นความน่าดีใจกับการกลับมาก็หนีไม่พ้น ที่นาตาลี พอร์ตแมน ที่กลับมารับบทบาท ดร. เจน ฟอสเตอร์ ซึ่งจากแบบอย่างหนังพวกเราอาจมองเห็นกันไปแล้วว่าคุณมาในมาดสุดโก้เก๋ แต่ว่าในหนังจริง ที่ไปที่มาของพลังที่ทำให้คุณได้ครอบครองค้อนโยเนียร์ก็ทำให้บทฟอสเตอร์ของคุณตอนนี้เป็นการกลับมาที่ไม่ใช่แค่กิมไม่กของเรื่องราว แม้กระนั้นมันยังมีผลต่อติดอยู่แรกเตอร์หลักอย่างธอร์ รวมทั้งที่สำคัญซึ่งมันเพิ่มอารมณ์โรแมนติกให้กับเรื่องราวของหนังได้อย่างดีเยี่ยมนอกจากนั้นหนังยังได้ รัสเซล วัวรว์ (Russell Crowe) มารับบทซุส ที่ทำผู้ชมฮากระทั่งหัวไหล่ทรุดไม่น้อย ถือว่าเป็นศิลปินเบอร์ใหญ่ที่ยอมมาเล่นบทฟั่นเฟือนได้สำราญใจมากมายๆขอรับ
อารมณ์โบ๊ะบ๊ะไม่เกรงใจกระเพาะจริงๆบางครั้งอาจจะไม่ใช่ของใหม่ในการมากุมบังเหียนของ ไทกา ไวทิทิ อีกรอบสำหรับหนัง ธอร์ แต่ว่าสำหรับ ‘Thor Love and Thunder’ ไวทิทิดูจะเชื่อมั่นในตนเองขึ้นสำหรับเพื่อการใส่มุกโบ๊ะบ๊ะต่างๆเข้าไปในเรื่องราวหน้าสิ่วหน้าขวานต่างๆที่สำคัญเขายังสามารถคุมโทนอารมณ์ขันของหนังให้อบอวลไปพร้อมๆกับอารมณ์โรแมนติกที่คลุ้งรวมทั้งเป็นธีมหลักสำหรับเพื่อการเล่าของหนังได้อย่างกลมกล่อมละมุนละไม แม้ว่าจะจะต้องแย้งไว้นิดหน่อยว่าตัวหนังเองก็มีมุกก้ำกึ่งเกี่ยวกับ ‘เซ็กส์กลุ่ม’ และก็ ‘เซ็กส์ระหว่างเพศเดียวกัน’ แอบๆหลบซ่อนๆอยู่ในหนังจนกระทั่งบางครั้งบางคราวก็ไม่ค่อยเหมาะสมกับการให้เด็กตัวเล็กๆมองสักเท่าไหร่ก็ตามความร็อกมองเห็นหัวข้อแล้วงงเต็กใช่ไหมครับผม ฮ่าาา.. แต่ว่ามันเป็นอารมณ์นี้จริงๆเพราะว่านอกเหนือจากเพลง ‘Sweet Child o’Mine’ ของวง ‘Guns N’ Roses’ ที่ได้ยินมาตั้งแต่เทรลเลอร์หรือแบบอย่างหนังแล้ว การเข้ามาจับบังเหียนของ ไมเคิล จีแอ็กชิโน (Michael Giacchino) ยังเพิ่มความร็อกให้หนังไปอีกเท่าตัว ที่สำคัญเมื่อได้จิแอ็กชิโน ผู้เขียนสกอร์ประจำติดอยู่แรกเตอร์อย่าง ‘Spider-Man’ ที่ติดหูแฟนมาร์เวลมาตลอด ก็ถึงเวลาที่จิแอกชิโนได้สร้างเพลงธีมใหม่ให้กับธอร์ ซี่งบประมาณอกเลยว่าโคตรร็อกรวมทั้งโคตรโดนเป็นอย่างมาก นอกเหนือจากนี้หนังยังแอบใส่เพลงป๊อปหวานๆอย่าง ‘Our Last Summer’ ของวง ‘ABBA’ ไปในหนังได้อย่างถูกจังหวะจะโคนอีกด้วย
งานสร้างสุดละลานตาจบท้ายสิ่งที่เป็นผลกำไรสูงสุดแล้วจากการดู ‘Thor Love and Thunder’ ก็คืองานสร้างรวมทั้งเหล่าสเปเชียล เอฟเฟกต์ต่างๆนี่แหละครับผม ด้วยเหตุว่าส่วนหนึ่งส่วนใดเรื่องราวจะเกี่ยวข้องกับเหล่าเทพ เกี่ยวเนื่องกับหัวข้อการท่องอวกาศต่างๆเลยทำให้หนังภาคนี้สเปเชียลเอฟเฟกต์ต่างๆเลยคล้ายกระดูกสันหลังไปโดยปริยาย และก็หนังก็ทำเป็นดีเลิศๆไม่หลุดไม่ลอยคุ้มกับเงินค่าตั๋วผู้ชมแน่ๆครับผม