เจาะ 11 จุดพิจารณา – Easter Eggs จักรวาล Star Wars จากแบบอย่างแรก
นับจากการประกาศไตเติลใหม่ๆภายใต้ชายคาดิสนีย์ (Disney) ในงาน Disney’s Investor Day 2020 หรือเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ท้ายที่สุด Disney รวมทั้ง ลูคัสฟิล์มถ่ายรูป (LucasFilm) ก็ได้โอกาสปล่อยเนื้อปล่อยตัวอย่างเต็มของซีรีส์ ‘Andor’ ซีรีส์เรื่องใหม่ปัจจุบันภายใต้จักรวาล ‘Star Wars’ ภายหลังที่ปลดปล่อยหนเซอร์มาแบบสั้นๆที่ผ่านมา
‘Andor’ เป็นซีรีส์ Prequel ที่จะเล่าราวในระยะเวลา 5 ปีกลายกำเนิดปฏิบัติงานโรควัน หรือแผนชิงแผนผังดาวมรณะ (Death Star) อาวุธมีอานุภาพที่สุดของจักรวรรดิเอ็มไพร์ใน ‘Rogue One: A Star Wars Story’ (2016) โดยตัวเรื่องราวจะจุดโฟกัสไปที่ กัปตัน แคสเซียน เอนดอร์ (Cassian Andor) (สวมบทโดย ดีเอโก ลูท้องนา (Diego Luna)) ที่จะเปลี่ยนมาเป็นข้างกบฏ และก็เป็นกัปตันคุมกลุ่มกลุ่มโรค วัน (Rogue One) ในคราวหลัง รวมถึงการเกิดผู้ส่งเสริมข้างกบฏ (Rebel Alliance) เพื่อต้านทานจักรวรรดิเอ็มไพร์อีกด้วย
จากการบรรลุเป้าหมายอย่างงดงามของ ‘Rogue One: A Star Wars Story’ ที่พรีเซนเทชั่นเรื่องราวการต่อสู้ในการรบอวกาศที่มีทิศทางผิดแผกแตกต่างออกไปจากเรื่องราวในภาคหลัก หรือ Skywaker Saga อย่างแจ่มแจ้ง อีกทั้งมุมมองของการบ้านการเมืองที่เกี่ยวข้องกับคนในสนามรบทั้งคู่ฟากฝั่ง การเน้นภาพการต่อสู้ในสนามรบดาวสการิฟ (Scarif)
แผนทำการชิงแผนผังดาวมรณะแท้จริงจังกว่าเดิม (โดยไม่มีพลังเจไดเข้ามาเกี่ยวพัน) แล้วก็การสะท้อนภาพของความน่าสยดสยองของจักรวรรดิที่กำลังจะเรืองอำนาจถัดไปในภายหน้า ทำให้ Disney แล้วก็ ลูคัสฟิล์มถ่ายรูป (LucasFilm) เลือกที่จะสืบต่อเรื่องราวของกระทำการ รวมทั้งความตั้งใจสำหรับการล้มจักรวรรดิ์ของคนกรุ๊ปเล็กๆอีกรอบในต้นแบบซีรีส์ทาง Disney+
เนื้อหานี้จะพาไปค้นหา Easter Egg แล้วก็จุดดูที่เกิดขึ้นด้านในแบบอย่างของซีรีส์ ‘Andor’ ก่อนจะได้ดู 3 ตอนต้นของซีรีส์ที่จะเริ่มสตรีมในวันที่ 21 ก.ย. 2022 ที่จะถึงนี้
ภาพของยาน Star Destroyer ในฉากเปิดตัว
ในช็อตแรกๆของแบบอย่างนี้ พวกเราจะได้มองเห็นยานพิฆาตศิลปิน หรือยาน Star Destroyer ยานขาประจำของข้างจักรวรรดิที่ปรากฏอยู่เหนือน่านฟ้าของดาวนพเคราะห์ดวงหนึ่ง ซึ่งก็สามารถเชื้อเชิญให้รำลึกถึงฉากแรกของภาพยนตร์ ‘Star Wars: Episode IV – A New Hope’ (1977) ที่มียานลำนี้กำลังลอยอยู่ในอวกาศขณะตามไล่ล่ายานของข้างกบฏได้แบบเดียวกันหากแม้ทั้งคู่ซีนจะมีความต่างกันตรงที่ ในแบบอย่างนี้จะเป็นมุมมองที่อยู่เหนือจากพื้นดิน ไม่ใช่การมองจากมุมสูงเสมือนอย่างในหนัง แต่ว่าการมาของฉากกลุ่มนี้ก็เป็นราวกับภาพที่รอเตือนรวมทั้งซ้ำเติมถึงความน่าสะพรึงกลัวของข้างจักรวรรดิ ในตอนที่จัดว่ากำลังเรืองอำนาจสูงสุด และก็ความแตกต่างของอำนาจของจักรวรรดิที่กำลังเริ่มจะมีแต้มต่อเหนือกว่าข้างกบฏได้อย่างแจ่มแจ้ง
ฉากรกรากของแอนดอร์
ช็อตถัดมา พวกเราจะได้มองเห็น แคสเซียน แอนดอร์ ยืนอยู่หน้าบ่อแร่บนดาวเฟสต์ (Fest) ดวงดาวขอบขอบนอกของกาแล็กซี (Outer Rim Territories) อันเป็นภูมิลำเนาของเอนดอร์ ที่ถูกจักรวรรดิละเมิดเข้าไปทำเหมืองผิวดิน ในหนังสือเบื้องหน้าเบื้องหลัง ‘Rogue One: A Star Wars Story’ ได้บอกว่า เฟสต์จะเปลี่ยนมาเป็นดวงดาวที่เป็นฐานทัพสำหรับกองกำลังกบฏในเวลาถัดมา (และก็มีความน่าจะเป็นที่พวกเราบางทีอาจจะได้มองเห็นชีวิตแอนดอร์ในวัยเด็กด้วย)
ในเวลาเดียวกันกับที่มีเสียงของเอนดอร์กล่าวขึ้นในแบบอย่าง ซึ่งสื่อให้มีความคิดเห็นว่า การเข้าไปลักขโมยแผนผังของดาวมรณะนั้นไม่ยาก เนื่องจาก “พวกมันหลงตัวเองจะตาย! มันหลงตัวเองซะจนกระทั่งเต็มตื้น! มันไม่คิดเลยด้วยว่าจะมีคนอย่างฉัน เข้าไปถึงยังหน้าบ้านของพวกมัน…” เป็นการทำให้เห็นว่า จักรวรรดิมีความแน่ใจในความมีชัยของตนมากมาย กระทั่งหลายคราก็มากจนเกินไป ราวที่ลุค สกายวอล์กเกอร์ (Luke Skywalker) เคยกล่าวกับพัลพาทีน (Pulpatine) ใน ‘Star Wars: Episode VI – Return of the Jedi’ (1983) ว่า “ความเชื่อมั่นและมั่นใจมากเกินความจำเป็นของเจ้าเป็นข้อบกพร่อง” (“Your Overconfidence Is Your Weakness.”)
ที่ประชุมวุฒิสมาชิกของจักรวรรดิ
ในแบบอย่างของ Andor จะได้มองเห็นอีกโลเกชันสำคัญจากตรีภาคต้น (Episode 1-2-3) ที่กลับมาอีกรอบ ซึ่งก็คือฉากที่ประชุมวุฒิสมาชิกของสาธารณรัฐกาแลกเปลี่ยนติเตียนก (Galactic Republic) บนดาวคอรัสซัง (Coruscant) ซึ่งเป็นสถานที่ที่พัลพาทีนได้สั่งมาตรา 66 (Order 66) ให้ทหารโคลนฆ่าเจไดที่เป็นกบฏ เปลี่ยนแปลงการปกครองแปลงเป็นจักรวรรดิกาแลกเปลี่ยนตำหนิก รวมทั้งยังเป็นที่ที่พัลพาทีนกับโยดาได้เจอหน้า เหวี่ยงเก้าอี้ที่ประชุมสู้กันใน ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’ (2005)
แบบอย่างนี้พวกเราจะได้มองเห็นที่ประชุมนี้กลับมาอีกทีหนึ่งในแบบอย่างที่แปรไปบางส่วน ซึ่งน่าจะเป็นผลที่ได้ขึ้นภายหลังการต่อสู้ของโยดาและก็พัลพาทีน แล้วก็แน่ๆว่าตำแหน่งในที่ประชุมถูกแทนที่ด้วยนักการเมืองของฝั่งจักรวรรดิที่กำลังเดินหน้าดูแลกาแล็กซี ในด้านของเรื่องราว นี่บางทีอาจเป็นการเชื่อมต่อเรื่องราวของตัวซีรีส์กับสามภาคต้น สำหรับในการนำเอาเรื่องราวแล้วก็การขัดกันในเชิงการบ้านการเมืองกลับมาสู่จักรวาลสตาร์ วอร์ส อีกที ในตอนที่กำลังจะคิดแผนสร้างดาวมรณะ อย่างที่ผู้ให้กำเนิดอย่าง จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ตั้งมั่นไว้ รวมทั้งเกือบจะมิได้รับการกล่าวถึงอีกเลยในสามภาคต้น รวมทั้งตรีภาคใหม่ (Episode 7-8-9)
แอนดอร์แทรกซึมไปสู่จักรวรรดิ
ในแบบอย่างพวกเราจะได้มองเห็น แคสเซียน แอนดอร์ เป็นสายของข้างกบฏที่กำลังแทรกซึมและก็ซ่อนตัวเข้าไปเป็นทหารของจักรวรรดิ รวมทั้งดูท่าเขาเองก็ทำสำเร็จด้วย (จากการที่เขาใส่ชุดแต่งกายทหารของจักรวรรดิ) พอๆกับว่าเขาเองกำลังปฏิบัติหน้าที่ในนามของกบฏ และก็ยังกำกวมว่าเขาเองจะถูกพิจารณารวมทั้งจับได้ไหมเช่นไร
แอนดอร์ร่วมข้างกบฏ
ในแบบอย่าง แคสเซียน แอนดอร์ ถูกชายลึกลับคนหนึ่งเชื้อเชิญเข้าข้างกบฏ ชายลึกลับคนนั้นมีชื่อว่า ‘ลูเธน ราเอล’ (Luthen Rael) (แสดงนำโดย สเตลเลน สการ์สการ์ด (Stellan Skarsgård)) ซึ่งจากแบบอย่าง เขาเองน่าจะเป็นผู้ที่มีหน้าที่ในข้างกบฏหรืออาจมีตำแหน่งที่สูง ในทีแรกๆๆที่ข้างกบฏกำลังเริ่มก่อตัว แม้กระนั้นเนื่องจากว่าผู้แสดงนี้เป็นตัวละครใหม่ที่ไม่เคยปรากฏใน Rogue One มาก่อนเลย ก็บางทีอาจเป็นได้ว่าผู้แสดงนี้บางทีอาจถูกจักรวรรดิกำจัดไปรวมทั้งได้
ภัยรุกรามของแอนดอร์
ศัตรูแล้วก็ภัยรุกรามที่อันตรายที่สุดของแอนดอร์เป็นหน่วยข่าวกรองที่มีชี่อว่า Imperial Intelligence หรือหน่วยสืบราชการลับ ที่ขึ้นตรงต่อหัวหน้าของจักรวรรดิ ที่มีบทบาทสืบข่าวสาร คิดแผน และก็มีตำแหน่งเหมือนตำรวจออกคำสั่งหน่วยรบพิเศษ เดธทรูปเปอร์ (Death Troopers) เพื่อค้นหา ตามหาเค้าเงื่อน แล้วก็ไล่ล่าฆ่าคนที่ตั้งตนเป็นกบฏ ซึ่งในแบบอย่างพวกเราจะมองเห็นข้าราชการชั้นสูงของหน่วยที่แต่งด้วยชุดแต่งกายสีขาว
ซอว์ เกอร์เรรา ที่กลับมา
อีกผู้แสดงจาก Rogue One ที่แสดงตัวในแบบอย่างนี้ด้วยก็คือ ซอว์ เกอร์เรรา (Saw Gerrera) (แสดงนำโดย ฟอร์เรสต์ วิธเทกเกอร์ (Forest Whitaker)) อดีตกาลนายทหารครึ่งคนครึ่งไซบอร์กมากมายประสบการณ์ ที่รอเสนอแนะแผนการรบให้กับหน่วยโรค วัน แล้วก็แม้ว่าจะเป็นข้างต้านจักรวรรดิเช่นกัน แม้กระนั้นเขาเองนั้นมีแนวทาง Anti-Hero มันก็คือย้ำความสุดขั้วและก็ร้ายแรงกว่าข้างกองกำลังกบฏใน Rogue One ซอว์เป็นทหารแก่ที่อาศัยอยู่อย่างสันโดษบนดาวเจดาห์ (Jedha) แล้ว ซึ่งใน Andor พวกเราจะมองเห็นเขามีสภาพร่างกายที่ค่อนข้างจะดูดีกว่าใน Rogue One รวมทั้งยังไม่มั่นใจว่าเขาเองจะเริ่มตั้งหลักแหล่งบนดาวเจดาห์แล้วหรือยัง
โลกใต้ดินของ สตาร์ วอร์ส
ในแบบอย่างช็อตหนึ่งพวกเราจะได้เห็นภาพอาคารสูงที่มีลิฟต์เดินทางลงไปยังเมืองที่อยู่ลึกลงไปใต้แผ่นดิน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นแผ่นดินบนดาวคอรัสซัง (Coruscant) ซึ่งเสมือนเป็นการบอกเป็นนัยว่า ซีรีส์ประเด็นนี้ได้เอาแนวความคิด ‘Star Wars: Underworld’ หรือเรื่องราวโลกใต้ดินของสตาร์ วอร์ส ซึ่งแรกเริ่มเคยเป็นแถวคิดของ จอร์จ ลูคัส มาประยุกต์ในซีรีส์ประเด็นนี้ด้วย
Star Wars: Underworld เป็นแถวคิดเรื่องราวภายใต้จักรวาลสตาร์ วอร์ส ที่ จอร์จ ลูคัส คิดแผนให้อยู่ในระยะเวลาระหว่าง ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’ (2005) และก็ ‘Star Wars: Episode IV – A New Hope’ (1977) ซึ่งเกิดเรื่องราวการสำรวจโลกใต้ดิน รวมทั้งโลกของอาชญากรรมบนดาวคอรัสซัง ขณะที่จักรวรรดิเรืองอำนาจรวมทั้งประเทศไม่มีขื่อแป โดยลูคัสฟิล์มถ่ายรูป (Lucasfilm) ตั้งอกตั้งใจว่าจะสร้างโปรเจ็กต์นี้ในแบบโทรทัศน์ซีรีส์ในตอนปี 2005 มีการปรับปรุงบทขึ้นมาสูงถึง 50 ตอน ก่อนที่จะโปรเจกต์จะถูกหยุดไปในปี 2010 และก็โปรเจกต์ก็ถูกเก็บเข้าลิ้นชักปิดตายภายหลังที่ Disney เข้าซื้อ Lucasfilm ในปี 2012
ในแบบอย่างนี้พวกเราบางทีก็อาจจะได้มองเห็นโลกใต้ดิน รวมทั้งชาติบ้านเมืองที่ไร้ระเบียบตามแนวความคิดของลูคัสอีกรอบ ในเวลาที่สิธกำลังเริ่มจะมีอำนาจ อาชญากรรม คอรัปชันที่เกิดขึ้น ก่อความจลาจล ไร้ระเบียบ ซึ่งข้างกบฏบางทีอาจใช้ประโยชน์จาเงามืดในดินแดนแดนลับแลที่นี้ก็เป็นไปได้
การก่อตัวของข้างกบฏ
อีกประเด็นสำคัญของซีรีส์ประเด็นนี้เป็นยังเป็นช่วงๆเวลาของการเกิดข้างกบฏ ที่จะปรับปรุงเปลี่ยนเป็นผู้สนับสนุนข้างกบฏ (Rebel Alliance) ในเวลาถัดมา ซึ่งบุคคลสำคัญซึ่งนับว่าเป็นหัวหน้าข้างกบฏคนแรกๆก็คือ วุฒิสมาชิก ‘มอน มอธมา’ (Mon Mothma) ที่แสดงนำโดย เจนิวีฟ โอไรลีย์ (Genevieve O’Reilly) ที่เคยรับบทบาทนี้ใน ‘Star Wars: Episode III – Revenge of the Sith’ (2005) มาแล้ว การกลับมาของวุฒิสมาชิกมอธมา นักการเมืองผู้รักสันติภาพ รวมทั้งใช้การเมืองเป็นอาวุธหลักผู้นี้จะเข้ามามีหน้าที่สำหรับการจัดตั้งข้างกบฏ ในตอนที่จักรวรรดิกำลังรีบจัดระบบ และก็จัดแจงไล่ฆ่าผู้เห็นต่างได้ยังไง
“การเปลี่ยนแปลงมันก็เป็นอย่างนี้ล่ะ…”
ช็อตใกล้จบของแบบอย่าง มีเสียงของผู้แสดงหนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “การเปลี่ยนแปลงมันก็เป็นแบบงี้ล่ะ…” (“This Is What Revolution Looks Like…”) ซึ่งนักแสดงนี้มีชื่อว่า คลียา (Kleya) แสดงนำโดย เอเดรีย อาโญท้องนา (Adria Arjona) ซึ่งในในขณะนี้ ก็ยังไม่มีรายละเอียดอื่นๆว่านักแสดงนี้เป็นคนใด และก็จะมีหน้าที่ยังไงกับเรื่องราวบ้าง นอกเหนือจากข้อมูลเพียงว่า คุณเองมาพร้อมๆกับ ลูเธน ราเอล หากพินิจช็อตสถานะการณ์ในตอนนี้ต่อเนื่องกัน ก็จะเพียงพอเห็นภาพที่คงจะไปได้ว่า วุฒิสมาชิกมอธมาบางทีอาจกำลังใช้หน้าที่ทางด้านการเมืองของคุณสำหรับเพื่อการเบี่ยงเบนความพึงพอใจเหล่าวุฒิสมาชิก แล้วก็เริ่มกลยุทธ์ ‘เปลี่ยนแปลง’ เพื่อทำลายจักรวรรดิ
“ฉันเบื่อที่จะแพ้แล้ว”
ไดอะล็อกในที่สุดที่แอนดอร์ได้กล่าวขึ้นนี้ เสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า ปฏิบัติงานการเปลี่ยนแปลงคราวนี้บางทีอาจเต็มไปด้วยความยากเย็นแสนเข็ญ เนื่องมาจากตอนนี้ ข้างกบฏนั้นบางทีอาจจะยังก่อตัวได้ไม่เต็มกำลัง และก็ยังคงจำต้องแอบๆหลบซ่อนๆจากการตามล่าของกองกองทัพจักรวรรดิ นอกจากนี้ ประโยคนี้บางทีอาจเป็นการแสดงว่า ข้างกบฏนั้นเจอความแพ้พ่ายให้กับจักรวรรดิที่หนักแน่นกว่าหลายต่อหลายครา
ถ้าหากเทียบกับ Rogue One นี่ก็บางครั้งอาจจะคล้ายกับภารกิจลักขโมยแผนผังดาวมรณะที่เต็มไปด้วยปัญหาหลากหลาย แล้วก็ได้โอกาสล้มเหลวได้มากถึง 97.6% ทั้งยังชีวิตของกลุ่มโรค วันยังจำต้องจบลงอย่างน่าท้อใจ แต่ว่าขั้นต่ำ ภารกิจรวมทั้งความแพ้พ่ายของพวกเขา ก็เปลี่ยนมาเป็นความหวังใหม่ (A New Hope) ให้กับข้างกบฏ กระทั่งสามารถล้มล้างข้างจักรวรรดิ แล้วก็คืนความสงบเงียบให้กับกาแล็กซีได้ในเวลาถัดมา